2021 Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี) รถยนต์เอสยูวีขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เปิดตัวพร้อมจำหน่ายในประเทศไทยมาได้สักพักใหญ่ ๆ ด้วยค่าตัวในรุ่นท็อป 1.749 ล้านบาท จัดอยู่ในกลุ่มตัวท็อปของเอสยูวีขนาดกลางในประเทศไทย และยังเป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสัญชาติญี่ปุ่นรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ผลิตในประเทศไทยอีกด้วย
แน่นอนว่าจุดขายของรถคันนี้คือระบบปลั๊กอินไฮบริดที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อรุ่นเดียวในเซกเมนต์ เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการรถยนต์ที่มีความพร้อม ทั้งเรื่องของสมรรถนะและความสามารถในการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ทั้งในการทำงานหรือช่วงเวลาของการสังสรรค์
แม้ว่าหลาย ๆ คน อาจจะมองว่ารถคันนี้มีคู่แข่งที่มากหน้าหลายตาเต็มไปหมดในท้องตลาด แต่อาจจะยังไม่ได้มีโอกาสสัมผัสกับรถคันนี้แบบเต็ม ๆ AutoFun Thailand ขอสรุป 5 ปัจจัย ที่ทำให้คุณไม่อาจจะมองข้ามรถยนต์รุ่นนี้ไปได้ แม้จะมีคู่แข่งหลากหลาย ก็ไม่สามารถโดดเด่นกว่ารถคันนี้ไปได้อย่างแน่นอน
1.ระบบเครื่องยนต์ 3 รูปแบบในรถยนต์คันเดียว
แม้จะบอกว่ารถคันนี้เป็นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดก็ตามที แต่จริง ๆ แล้ว ผู้ใช้งานสามารถปรับการใช้งานเครื่องยนต์ได้อย่างหลากหลายรูปแบบตามความต้องการในการใช้งาน ทั้งแบบเครื่องยนต์ไฟฟ้า หรือการทำงานของเครื่องยนต์ไฮบริด ที่ปรับแบบอัตโนมัติตามความเหมาะสม
จุดขายหลักอีกอย่างก็คือระบบไฟฟ้าของรถที่สามารถวิ่งได้ระยะทางถึง 55 กิโลเมตร โดยสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และโหมดการชาร์จไฟกลับเข้าไปในแบตเตอรี่ระหว่างวิ่ง ที่ชาร์จได้จริงมากกว่า 80% ของแบตเตอรี่ เพิ่มระยะวิ่งได้อย่างน่าสนใจ
ไม่ใช่แค่การตอบสนองที่ดีเยี่ยมเท่านั้นที่มีมาให้ แต่เหมือนกับเรามีแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อใช้ยืดระยะทางการวิ่งได้จริง ๆ หากน้ำมันลดน้อยลง ก็เพียงแค่ชาร์จไฟเข้าไปที่แบตเตอรี่ระหว่างวิ่งได้เลย เมื่อถึงจุดหนึ่ง ก็สามารถเปลี่ยนมาวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ระยะทางไกล ลดความกังวลเรื่องน้ำมันหมด หรือ แม้กระทั้งการวนหาสถานีชาร์จไฟฟ้าไปได้มากอยู่
2.ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่หลากหลายและใช้งานง่าย
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซูเปอร์-ออลวีลล์คอนโทรล (S-AWC) คือหัวใจในการควบคุมรถคันนี้ให้วิ่งไปได้อย่างนุ่มนวลในทุกเป้าหมายของการเดินทาง คุณไม่จำเป็นต้องกลัวเวลาเจอทางฝุ่นหรือทางขรุขระตามต่างจังหวัด และไม่ต้องเสียเวลาในการปรับโหมดการขับขี่อะไรให้วุ่นวาย
จะมีให้เลือกกันนิดหน่อยก็แค่ในส่วนของโหมดการขับขี่ที่อาจจะใช้สมรรถนะของช่วงล่างมาก เช่นในส่วนของการวิ่งบนพื้นลื่นหรือบนพื้นที่ต้องใช้การควบคุมของช่วงล่างมากเป็นพิเศษ แต่ทุกอย่างสามารถทำได้ผ่านปุ่มควบคุมที่ใช้งานได้อย่างง่ายดาย ไม่มีปัญหาในการทำความเข้าใจ
อีกสิ่งที่เราชอบมากก็คือความรู้สึกของการขับขี่รถคันนี้ที่ให้บรรยากาศของการขับที่คล้ายคลึงกับรถยนต์ แม้จะเป็นในถนนแบบออฟโรดเล็ก ๆ ก็ไม่มีอาการโยกโยนของตัวรถจนทำให้รู้สึกหวาดเสียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการควบคุมช่วงล่างด้วยไฟฟ้านั้น แม่นยำและนุ่มนวลกว่านั่นเอง
3.ความเอนกประสงค์ในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ลืมภาพของรถเอสยูวีมีปลั๊กเสียบไฟที่เอาไว้เสียบเตาแก๊สปิกนิกไปเสียก่อน เพราะเอาจริง ๆ แล้ว ปลั๊กไฟขนาด 1,500 วัตต์ ที่ติดตั้งมาให้ทั้งที่ตำแหน่งของผู้โดยสารตอนหลัง และที่ด้านท้ายรถนั้น มันเหมาะสำหรับคนทำงานที่อาจจะต้องการใช้งานปลั๊กเสียบไฟในสถานการณ์ต่าง ๆ
ยกตัวอย่างเช่น เรากำลังเดินทางไปเที่ยวในป่าหรือริมทะเล แล้วมีเรื่องด่วนที่ต้องรีบทำ แต่แบตเตอรี่โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์หมดพอดี หรือบางรุ่นก็แบตเสื่อม ต้องเสียบใช้งานตลอด ปลั๊กชาร์จไฟแบบยูเอสบีอาจจะไม่เพียงพอต่อการกระตุ้นไฟให้กับอุปกรณ์การทำงานเหล่านี้
หลายคนอาจจะเถียงว่า มันจะมีคนซุ่มซ่ามไม่ชาร์จไฟคอมพิวเตอร์หรือมือถือก่อนออกเดินทางเลยหรอ เชื่อเถอะว่าอะไรก็เป็นไปได้ แถมกำลังไฟที่รถคันนี้ปล่อยให้กับอุปกรณ์ของเรานั้น จะค่อนข้างเสถียรกว่า เนื่องจากเป็นการดึงพลังไฟออกจากแบตเตอรี่ลูกใหญ่ ไม่ต้องกลัวไฟกระตุกแน่นอน
4.ห้องโดยสารภายในสะดวกสบายและห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่
ถ้าจะบอกว่า มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี น่าจะเป็นหนึ่งในซี-เอสยูวี ที่มีขนาดของห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่สุดก็คงไม่แปลก เพราะรถที่ถูกพัฒนามาเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง เมื่อทำการถอดที่นั่งออกไป ก็จะได้พื้นที่วางสัมภาระด้านหลังมาทดแทนกัน ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย
แถมถ้ายังไม่พอ ก็ยังสามารถพับเบาะแถวกลางลงไปเพื่อเพิ่มพื้นที่การวางสัมภาระชิ้นยาวได้อีกต่างหาก ขณะที่การเข้าไปสู่ห้องเก็บสัมภาระก็ทำได้สะดวก ด้วยบานประตูไฟฟ้าด้านหลังขนาดใหญ่ ที่สามารถเปิดได้หลากหลายวิธี ทั้งจากภายในและภายนอกห้องโดยสาร
ตัวห้องโดยสารเองนั้น ให้บรรยากาศเหมือนนั่งบนโซฟาที่บ้านมากกว่า ด้วยเบาะที่นั่งหนัง ตัดเป็นลวดลายกราฟิกที่ให้บรรยากาศอบอุ่น การก้าวเข้า-ออกจากห้องโดยสารทำได้ดี เนื่องจากตัวรถไม่ได้มีความสูงใหญ่มากเหมือนเอสยูวีบางรุ่น แถมมีอุปกรณ์สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารครบครัน
5.อุปกรณ์ด้านการขับขี่และความปลอดภัยแบบพอตัว
ไม่ใช่แค่เรื่องของสมรรถนะที่คิดมาอย่างเต็มที่ แต่ทีมงานของมิตซูบิชินั้น ได้ทำการติดตั้งระบบและอุปกรณ์มากมายภายในตัวรถ ที่มีไว้เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน หรือเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนรูปแบบต่าง ๆ กันออกไปอย่างครบถ้วนและเพียงพอต่อการใช้งาน
ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบควบคุมการขับเคลื่อนและการเบรกระหว่างล้อซ้ายและล้อขวา ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่ติดตั้งที่เพลาหน้า-หลัง ควบคุมแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ รวมถึงระบบเบรกมือไฟฟ้าและ Auto Hold
ระบบอินโฟเทนเมนต์รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ และแอนดรอยด์ ออโต้ ควบคุมได้อย่างง่ายดายผ่านหน้าจอระบบสัมผัส และยังควบคุมการเรียกดูข้อมูลทุกอย่างได้ผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย รวมไปถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน เพื่อสร้างสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ในภาพรวม