2019 Honda City (ฮอนด้า ซิตี้) ประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างล้นหลามนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ครองตำแหน่งผู้นำกลุ่มบีเซกเมนท์-อีโคคาร์อย่างเหนียวแน่นมั่นคง
ความสำเร็จของ Honda City ใหม่ในเมืองไทยไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าใดนัก เพราะถือว่ามีความครบครันที่สุดรุ่นหนึ่งในระดับเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นชื่อชั้นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง อ็อปชั่นอำนวยความสะดวกครบครัน และสมรรถนะการขับขี่ที่ยืนอยู่แถวหน้าในกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อนำ Honda City ขุมพลัง 1.0 เทอร์โบในบ้านเราไปเปรียบเทียบกับตลาดบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างมาเลเซียและอินเดียจะพบว่ายังขาดองค์ประกอบที่น่าสนใจหลายรายการ เราขอรวบรวม 5 ฟังก์ชั่นที่ควรมี (แต่ไม่มี) ในรถซิตี้คาร์คันนี้มาฝากกัน พร้อมกับการคาดการณ์ถึงโอกาสที่บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดจะใส่เข้ามาในรุ่นไมเนอร์เชนจ์
1. ระบบรีโมทสตาร์ทเครื่องยนต์และการเปิดกระจกจากระยะไกล
วิศวกรของ Honda ในประเทศอินเดียตระหนักดีว่า City ใหม่ต้องมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกสบายที่สามารถรับมือกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ จึงทำการติดตั้งระบบ Remote Engine Start และ Keyless Window Remote Operation เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถสตาร์ทรถ พร้อมกับเปิดแอร์และเปิดกระจกระบายความร้อนด้วยกุญแจรีโมทจากระยะไกลได้
โอกาสติดตั้งในรุ่นไมเนอร์เชนจ์: 70%
2. ซันรูฟไฟฟ้า
แหงนมองบนเพดานรถ Honda City ใหม่ในอินเดียมาพร้อมหลังคาซันรูฟเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าขนาดพอเหมาะ ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพขณะขับขี่และอัพเกรดมูลค่าของตัวรถ ซึ่งราคาจำหน่ายของ City รุ่นย่อยที่มีซันรูฟในแดนโรตีเคาะอยู่ที่ 1,355,900 รูปีหรือประมาณ 579,000 บาท
โอกาสติดตั้งในรุ่นไมเนอร์เชนจ์: 30%
3. เครื่องยนต์ดีเซล-เกียร์ธรรมดา
City สเปกอินเดียมีขุมพลัง 2 รุ่นให้เลือกสรร เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร i-VTEC DOHC พร้อม Variable Timing Control (VTC) พละกำลังสูงสุด 121 แรงม้า แรงบิด 145 นิวตันเมตร
ขณะที่อีกรุ่นเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร i-DTEC DOHC ผ่านมาตรฐานไอเสีย BS6 ตามมาตรฐานของอินเดีย และมีตัวกรอง Diesel Particulate Filter (DPF) อีกชั้นจึงมีมลพิษต่ำมาก มีพละกำลังสูงสุด 100 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของรุ่นดีเซลอยู่ที่ 24.1 กม.ต่อลิตร
โอกาสติดตั้งในรุ่นไมเนอร์เชนจ์: 5%
4. ระบบความปลอดภัย Honda Sensing – LaneWatch
ลูกค้า City ใหม่ทั้งในอินเดียและมาเลเซียจะได้ใช้ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาด้านหลังบนจอกลางหรือ Honda LaneWatch™ แบบเดียวกับที่มีใน Civic และรถยนต์ Honda หลายรุ่นที่มีราคาแพงกว่าในบ้านเรา เมื่อเปิดไฟเลี้ยว (ซ้าย) กล้องที่ติดตั้งบนกระจกมองข้างจะทำงานแล้วแสดงผลด้านข้างของตัวรถมาที่หน้าจอบนคอนโซล ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์และความปลอดภัย
นอกจากนี้ City ในแดนเสือเหลืองยังมาพร้อมแพ็คเกจ Honda Sensing ที่มีระบบช่วยเบรกอัตโนมัติฉุกเฉิน AEB ตรวจจับรถยนต์คันหน้าและป้องกันอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี
โอกาสติดตั้งในรุ่นไมเนอร์เชนจ์: 80%
5. ระบบขับเคลื่อนไฮบริด
หนึ่งในไฮไลท์ของ Honda City ที่จำหน่ายในมาเลเซียก็คือการขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด i-MMD (intelligent Multi-Mode Drive) หรือ e:HEV ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พละกำลัง 98 แรงม้า แรงบิด 127 นิวตันเมตร ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว พละกำลัง 109 แรงม้า แรงบิด 253 นิวตันเมตร ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขแรงม้าและแรงบิดโดยรวมแต่คาดว่าจะเหนือกว่า City ในบ้านเราทั้งพละกำลังและความประหยัดเชื้อเพลิง อีกทั้งยังเป็นรถซิตี้คาร์ที่ทรงพลังที่สุดในระดับเดียวกันของประเทศมาเลเซีย
นอกจากนี้ Honda ยังจำหน่ายรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร DOHC ในตลาดเพื่อนบ้านของเราอีกด้วย ซึ่งคาดว่าขุมพลังบล็อกนี้จะเป็นสเปกเดียวกับอินเดีย
โอกาสติดตั้งในรุ่นไมเนอร์เชนจ์: 70%
สรุป
ฟังก์ชั่นทั้งหมดเป็นการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่ Honda จะทำการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความสดใหม่และรักษาขีดความสามารถทางการแข่งขันในอนาคตเมื่อถึงเวลาปรับไมเนอร์เชนจ์ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อดูจากยอดขายที่ค่อนข้างสูง ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นรายนี้คงไม่รีบปรับโฉม City ใหม่แน่นอน ดังนั้นเราอาจได้เห็นการเพิ่มฟังก์ชั่นเหล่านี้กันในช่วงครึ่งหลังของปี 2021 หรือต้นปี 2022 นู่นเลยทีเดียว