Porsche ยังคงทำกำไร 1.2 พันล้านยูโร พร้อมเตรียมลงทุน 1.5 หมื่นล้านยูโรพัฒนารถใหม่

Porsche AG (ปอร์เช่ เอจี) ประกาศความแข็งแกร่งในการทำตลาดด้วยการทำรายได้ที่ 12.42 พันล้านยูโร หรือลดลง 7.3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีตัวเลขผลกำไรอยู่ที่ 1.23 พันล้านยูโร ลดลง 26.3% โดยมีพื้นฐานจากโครงการพัฒนาที่ครอบคลุมถึง ศักยภาพการดำเนินงานในแง่ของจุดคุ้มทุน

รวมไปถึงความสำเร็จอย่างงดงามของผลิตภัณฑ์ยานยนต์รุ่นใหม่จากปอร์เช่ ไม่ว่าจะเป็น ปอร์เช่ 911 เทอร์โบ (Porsche 911 Turbo) จนถึงปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าสมบูรณ์แบบ ซึ่งได้รับการเลือกให้เป็นที่สุดของรถยนต์ที่เต็มไปด้วยนวัตกรรมอันดับ 1 ของโลกเมื่อไม่นานมานี้

ประกาศลงทุนเพิ่มพัฒนาเทคโนโลยีรับมือตลาด

Oliver Blume ประธานกรรมการบริหาร Porsche AG กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันเต็มไปด้วยความท้าทายอย่างสูงสำหรับบริษัท ซึ่งปอร์เช่กำลังบริหารจัดการองค์กรท่ามกลางวิกฤติไวรัส โคโรน่าอย่างเป็นระบบและเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ ในขณะที่ยังคงต้องเสาะแสวงหาโอกาสต่าง ๆ ไปด้วย 

“เรายืนหยัดเพื่อกำหนดวิสัยทัศน์และสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แก่วงการรถสปอร์ต จิตวิญญาณแห่งนักบุกเบิก คือ แรงผลักดันให้เรามุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ โดยปอร์เช่จะทุ่มงบประมาณลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านยูโร ตลอดระยะเวลา 5 ปีต่อจากนี้ โดยมุ่งเน้นที่การพัฒนาเทคโนโลยีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้น”  

ยอดส่งมอบรถใหม่ที่เติบโตเหนือกว่าตลาด

ตัวเลขยอดส่งมอบรถยนต์ใหม่ทั่วโลกในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2020 ของปอร์เช่ ปรับลดลง 12.4% หรือมียอดการส่งมอบรวม 116,964 คัน ถึงแม้ว่าศูนย์บริการ Porsche Centres หลายแห่งจำเป็นต้องหยุดดำเนินงานชั่วคราวเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ก็ตาม แต่ ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่ ยังคงมียอดส่งมอบกว่า 4,480 คัน 

ในส่วนของปอร์เช่ 911 รถสปอร์ตระดับตำนานกลับมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 2.2% หรือคิดเป็นยอดจำหน่าย 16,919 คัน ด้านปอร์เช่ คาเยนน์  (Porsche Cayenne) คือรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดด้วยยอดส่งมอบรวมทั่วโลกกว่า 39,245 คัน ตามติดด้วยปอร์เช่ มาคันน์ (Porsche Macan) ที่สามารถส่งมอบถึงมือลูกค้าถึง 34,430 คัน 

ประเทศจีนยังคง เป็นตลาดขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับปอร์้ชา ด้วยยอดจำหน่ายในครึ่งแรกของปีที่ 39,603 คัน ในส่วนทวีปยุโรปมีตัวเลขส่งมอบที่ 32,312 และประเทศสหรัฐอเมริกาที่ 24,186 คัน ซึ่งปอร์เช่ประมาณการณ์ว่า ผลกำไรของบริษัทในปีนี้่น่าจะลดลงประมาณ 15% อันเป็นผลมาจาก COVID-19 นั่นเอง