2020 MG eHS ปลั๊กอินไฮบริด 300 แรงม้า ประหยัด 77 กม.ต่อลิตร เตรียมเปิดตัวในไทยปีนี้

2020 MG eHS (เอ็มจี อีเอชเอส) ขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะเข้ามาทำตลาดประเทศไทยในปีนี้ด้วยสเปกและระบบขับเคลื่อนที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

หลังจากเปิดตัวที่งาน 2019 กวางโจว มอเตอร์โชว์เมื่อปลายปีที่แล้วและออกจำหน่ายในประเทศจีนไปแล้ว รถเอสยูวีพลังงานทางเลือกในชื่อ MG eHS 500 เตรียมจะถูกนำเข้ามาจัดจำหน่ายในไทยซึ่งปัจจุบันเซกเมนท์รถคอมแพ็กต์เอสยูวียังไม่มีคู่แข่งแม้แต่รายเดียวที่ใช้ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดแบบเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้าได้

รายงานว่าข่าวระบุว่า บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์ MG ได้ยืนยันว่าจะนำ eHS เข้ามาจำหน่ายในบ้านเราภายในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน

ขุมพลังขับเคลื่อนแรงเร้าใจและประหยัดเหลือล้น

ในขณะที่รูปลักษณ์ภายนอกและการตกแต่งภายในของ eHS อาจไม่แตกต่างจาก HS รุ่นมาตรฐานเครื่องยนต์สันดาปภายในมากนัก แต่ถ้าเจาะลึกลงรายละเอียดทางเทคนิคจะพบกับสเปกที่น่าสนใจอย่างมาก

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด eHS ที่จำหน่ายในบ้านเราจะมีสเปกเหมือนกับที่จำหน่ายในจีนและกำลังจะทำตลาดประเทศอังกฤษในปลายปีนี้เช่นกัน โดยใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ บล็อก 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พละกำลัง 166 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 121 แรงม้า ทำให้มีพละกำลังรวมกันอยู่ที่ประมาณ 300 แรงม้า แรงบิดมีมากถึง 480 นิวตันเมตร ซึงจะทำให้ eHS เป็นรถยนต์ที่แรงที่สุดในรอบเกือบ 2 ทศวรรษของ MG นับตั้งแต่เคยสร้างรถสปอร์ต SV ขุมพลังวี8 ในปี 2003

ขุมพลังบล็อกนี้จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ 10 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราเร่งของ eHS สามารถออกตัวจาก 0-100 กม.ต่อชม. ได้ภายในเวลาเพียง 5.8 วินาทีเท่านั้น เหนือชั้นกว่าใครในกลุ่มเดียวกันชนิดไม่เห็นฝุ่น

ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้น ด้วยความที่เป็นรถปลั๊กอินไฮบริดรองรับการเสียบปลั๊กชาร์จไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ขนาด 16.6 กิโลวัตต์ชั่วโมงได้ จึงสามารถโลดแล่นด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วน ๆ ได้ไกลประมาณ 75 กม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงจึงประหยัดสุด ๆ ด้วยตัวเลขป้วนเปี้ยนแถว ๆ 77 กม.ต่อลิตร

สำหรับราคาจำหน่ายของ MG eHS ในประเทศจีนเคาะเริ่มต้นที่ 189,800 – 219,800 หยวนหรือประมาณ 8.64 แสนบาทถึง 1 ล้านบาท

ต้องติดตามลุ้นกันอย่างใกล้ชิดต่อไปว่า MG eHS จะแจ้งเกิดในตลาดรถยนต์บ้านเราด้วยราคาค่าตัวเท่าไหร่ และจะสานต่อความสำเร็จของ HS ได้หรือไม่