น้ำมันดีเซลแบบ B10 ถูกเปลี่ยนชื่อให้เป็น”น้ำมันดีเซล” แบบไม่มีชื่อสร้อยต่อท้าย แสดงถึงความตั้งใจที่จะทำให้เชื้อเพลิงชนิดนี้เป็นมาตรฐานของรถในปัจจุบัน เพื่อลดค่ามลพิษ และยังช่วยเหลือพืชผลของเกษตรกรไทย แต่มีข้อแม้ว่า มีรถเครื่องดีเซลหลายรุ่น ที่ไม่สามารถใช้น้ำมัน B10 นี้ได้ ไปดูรายชื่อทั้งหมด พร้อมสาเหตุและวิธีการแก้ไขกัน
ดีเซล B10 คือการผสมไบโอดีเซลลงไปในน้ำมัน 10% โดยไบโอดีเซลนี้ได้จากปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นพืชปลูกได้ในประเทศ ข้อดีคือมีปริมาณออกซิเจนในตัวมากกว่าดีเซลธรรมดาอยู่ร้อยละ 10 ทำให้เกิดการเผาไหม้ดี หมดจรดมากขึ้น เหลือเขม่าในไอเสียน้อยลง เกิดก๊าซ CO2 น้อยลงตามไปด้วย
แม้จะมีข้อดีเรื่องมลพิษ กับราคาถูก แต่ข้อเสียของไบโอดีเซลก็ต้องแลกมาด้วย การปลดปล่อยแก๊สไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) สูงกว่าน้ำมันดีเซลมาตรฐาน เพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคทางเดินหายใจหากรับเข้าไปในระยะยาว และข้อเสียอีกอย่างคือ วัสดุยางในระบบเชื้อเพลิงรถยนต์ เช่น ปั๊มติ๊กน้ำมัน ที่จะเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้นอีกด้วย
ผู้ผลิตรถกระบะเครื่องยนต์คอมมอนเรลค่ายดังทั้งหลาย ต่างก็ออกมาเคลมกันแล้วว่า รถตนเองสามารถใช้ดีเซล B10 ได้ทันที แต่ก็มีค่ายรถดีเซลจากฝั่งยุโรปอีกหลายรุ่นที่ไม่ได้ออกมายืนยัน ดังนั้นเราจึงตีความไว้ก่อนเลยว่าไม่ควรใช้ B10 สามารถใช้ได้แค่ B7 เท่านั้น โดยรายชื่อรถดีเซลในไทย ที่ไม่แนะนำให้ใช้น้ำมัน B10 มีดังนี้
นอกจากนี้ยังมีพวกรถกระบะกับรถออฟโรด เป็นรุ่นเก่าจากฝั่งญี่ปุ่นทั้งหลาย เช่น Isuzu TFR, Toyota Mighty-X, Nissan Big-M, Mitsubishi L200, Mazda B-series, Ford Marathon ฯลฯ ก็ไม่แนะนำให้ใช้น้ำมันชนิดนี้ด้วย
รถยุโรปยังไม่พร้อมใช้ B10 เพราะคุณภาพน้ำมันในบ้านเรา ยังมีปริมาณโมโนกลีเซอไรด์ที่ไปสะสมในระบบ จนเกิดปัญหาไส้กรองและหัวฉีดอุดตันได้ในระยะยาว หากเป็นไปได้ นอกจากเติม B7 แล้ว ยังควรเติมน้ำมันดีเซล B7 แบบพรีเมียม ที่มีสารชะล้างหัวฉีดในตัว ทำให้ช่วยถนอมหัวฉีดคอมมอนเรล ซึ่งมีราคาอะไหล่แพงหูดับ ส่วนรถดีเซลรุ่นเก่า ที่ยังไม่เป็นคอมมอนเรล ก็ไม่แนะนำให้เติม เพราะจะไปอุดตันปั๊มสาย และกัดวัสดุยางให้กรอบแตกง่ายยิ่งขึ้นไปอีก
เนื่องจากหัวจ่ายน้ำมัน B7 กับ B10 อยู่ใกล้กันมาก ทำให้รถยนต์บางคันที่เติม B7 ได้เท่านั้น กลับเผลอเติม B10 เข้าถังไปแล้ว ก็ไม่ต้องตกใจรีบล้างถังให้เสียของ เพราะยังสามารถสตาร์ทใช้งานได้ชั่วคราว ไม่ได้พังในทันที และสามารถเติม B7 ผสมเข้าไปเพิ่มได้ทันที จากนั้นก็หมั่นตรวจเช็คกรองเชื้อเพลิง ให้เปลี่ยนในระยะทางที่กำหนดทันที อย่ายืดอายุทนใช้ต่อ เท่านี้รถเก่าของเราก็จะอยู่ร่วมกับเชื้อเพลิงยุคใหม่ได้อย่างสบายใจ
รถใครที่เติม B10 มาแล้วเป็นระยะทางหลายกิโลเมตร แล้วรู้สึกว่ารถปกติ ยังไม่มีปัญหาอะไร นั่นเพราะว่าน้ำมัน B10 จะไม่ทำอันตรายต่อรถในแบบทันทีทันใด แต่จะค่อย ๆ พอกพูนปัญหาทีละเล็กทีละน้อย จนทำให้ต้องเสียค่าซ่อมใหญ่ในอายุเร็วกว่ากำหนด ซึ่งคนที่รักรถจริง ก็มักจะอยากให้รถอยู่คู่กับเราไปนาน ๆ คงไม่มีใครสรรหาน้ำมันที่ทำให้รถอายุสั้นลง จริงมั้ยครับ
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}