รอเลย! Mitsubishi Outlander PHEV ใหม่ยืนยันเปิดตัวปี 2022 ต่อด้วย Xpander Hybrid ปี 2023

Mitsubishi Motors Corporation (มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น) เร่งเดินหน้าแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์พลังงานทางเลือก โดยกำหนดเป้าหมายยอดขายรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าให้มีสัดส่วน 50% ภายในปี 2030

สำนักข่าว Nikkei จากประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าว Mitsubishi ประกาศแผนการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดและพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก 5 รุ่นภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า สอดคล้องกับกลยุทธ์ Small but Beautiful ระหว่างปี 2020 - 2022 ที่มุ่งเน้นรถพลังงานทางเลือกมากขึ้น

ปัจจุบัน Mitsubishi มีรถปลั๊กอินไฮบริดและพลังงานไฟฟ้ารวมกันทั้งหมดเพียง 3 รุ่นเท่านั้น คือ Mitsubishi Outlander PHEV (มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์ พีเอชอีวี), Eclipse PHEV (อีคลิปส์ พีเอชอีวี) และรถอีวี i-MiEV (ไอ-มีฟ) ซึ่งรุ่นหลังสุดนี้ถูกยุติการทำตลาดไปเรียบร้อยแล้วหลังจากออกจำหน่ายตั้งแต่ปี 2009

กางแผนพัฒนารถพลังงานทางเลือก

ค่ายรถจากแดนอาทิตย์อุทัยเพิ่งเผยโฉม 2020 Eclipse Cross PHEV รุ่นไมเนอร์เชนจ์ซึ่งจะออกทำตลาดญี่ปุ่นภายในเดือนธันวาคมนี้ ก่อนจะตามมาด้วยรถอีวีรุ่นใหม่ที่พัฒนาร่วมกับบริษัท Guangzhou Automobile Group จากประเทศจีนและมีกำหนดการเปิดตัวภายในปี 2021

หลังจากนั้นคือรถที่คอรถยนต์ชาวไทยต้องจับตามอง นั่นก็คือ All-New Outlander PHEV รถเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะเปิดตัวในเดือนเมษายน 2022 นั่นหมายความว่า Outlander PHEV รุ่นปัจจุบันที่กำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเราในวันที่ 1 ธันวาคมนี้นั้นจะตกรุ่นภายในเวลาประมาณ 1 ปีครึ่ง

ไฮไลท์ของแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ Mitsubishi ยังรวมถึงรถอเนกประสงค์ All-New Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) เจนเนอเรชั่นใหม่ที่จะมีเวอร์ชั่นไฮบริดให้ลูกค้าได้เลือกใช้ด้วยเมื่อถึงกำหนดเปิดตัวในปี 2023 ต้องจับตามองว่าจะสานต่อความสำเร็จของรุ่นปัจจุบันได้หรือไม่

ปิดท้ายรถพลังงานทางเลือกรุ่นใหม่ของ Mitsubishi คือรถเคคาร์พลังงานไฟฟ้าที่จะพัฒนาร่วมกับพันธมิตรอย่าง Nissan สำนักข่าว Nikkei รายงานว่ารถอีวีขนาดเล็กรุ่นดังกล่าวถูกวางตัวให้มาแทนที่ i-MiEV นั่นเอง และคาดว่าจะถูกจำหน่ายเฉพาะในตลาดบ้านเกิด

ทั้งนี้ Mitsubishi คาดการณ์ว่าในปีงบประมาณ 2020 ซึ่งจะสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2021 บริษัทฯ จะประสบภาวะขาดทุนสุทธิ 3.6 แสนล้านเยนหรือประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยเวลานี้อยู่ระหว่างการปรับกลยุทธ์การธุรกิจใหม่ที่จะมุ่งเน้นภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น