GolF ก็ว่า... การตอบกลับของ Mercedes-Benz และยืนยันว่าปีนี้ 'เราจะรักษาแชมป์ไว้เหมือนเดิม'

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) นั้นเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์หรูหราในประเทศไทยด้วยส่วนแบ่งตลาดประมาณครึ่งนึงมาโดยตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา หลังการฟาดฟันกับผู้นำเข้าอิสระแบบแหลกลาญกันไปข้าง การปรับไล์อัพและการนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายอย่างว่องไว ที่ทำให้ลูกค้าไม่ต้องไปซื้อรถนำเข้ามาใช้งานกันอีกต่อไป

ความยอดเยี่ยมของแบรนด์ดราดาว ที่มีคนเล่ากันเล่น ๆ ว่าถ้ารถที่เผาไปให้บรรพบุรุษยังติดตราดาว ก็แสดงว่าแบรนด์ยังแข็งแกร่งนั้น ไม่ได้ยืนอย่างโดดเดี่ยวแต่อย่างใด แต่ต้องไม่ปฏิเสธว่าเป็นการผ่านร้อนหนาวที่เข้มข้นเอาเรื่อง โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งจากมิวนิคของพวกเขานั้นเริ่มทำตลาดหวือหวามากขึ้น และเริ่มมียอดจำหน่ายที่มั่นคงและแข็งแกร่ง

และในปีนี้ สิ่งที่หลาย ๆ คนบอกว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นไปแล้ว เมื่อตัวเลขยอดจำหน่ายของ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) นั้น ได้กลับมาแซงยอดจำหน่ายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ได้เป็นครั้งแรก ในช่วงเวลา 9 เดือนแรกของปี ทำให้มีคำถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาจะคว่ำเมอร์เซเดส-เบนซ์แล้วกลับมาเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์หรูหราในประเทศไทยได้อีกครั้ง

ตัวเลขยอดจำหน่ายที่ห่างกันอยู่ประมาณ 1,000 คัน และมีเวลาเหลือให้ทำงานกันอย่างหนักอีก 3 เดือน ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นแรงกดดันให้ โรลันด์ โฟลเกอร์ นายใหญ่ค่ายตราดาวแห่งประเทศไทยสักเท่าไร เพราะในงานเปิดตัวรถยนต์เล็กรุ่นใหม่ของค่าย พวกเขาใส่ในข่าวแบบชัด ๆ ว่า 'จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์หรูหราต่อไปอีกปี'

อะไรคือความมั่นใจและแผนงานที่พวกเขาเตรียมจะกลับมาลุยตลาดกันอย่างจริงจังอีกครั้ง AutoFun Thailand มีโอกาสได้นั่งสนทนากับเขาคนนี้ ซึ่งไม่ได้มีแค่เรื่องการกลับมาคว้าแชมป์ให้ได้ แต่รวมไปถึงแผนการจัดการธุรกิจในช่วงหลังโควิด-19 ซึ่งถือว่ามีความสำคัญในการวางรากฐานของแบรนด์ต่อไปในอนาคตเลยทีเดียว

แผนการตอบโต้แบบ Mercedes-Benz

โฟลเกอร์ระบุอย่างชัดเจนว่าการแข่งขันที่เกิดขึ้นนั้นยังไม่จบ และพวกเขาก็พร้อมที่จะแข่งขันต่อแล้วในช่วงที่เหลือของปี โดยระบุว่าการเปิดตัว Mercedes-Benz A-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาส) หรือ  Mercedes-Benz GLA (เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ) รวมไปถึงสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ที่จะนำเข้ามาแสดงในงานมหกรรมยานยนต์จะทำให้แข่งขันได้มากขึ้น

"งานมหกรรมยานยนต์ในปีนี้จะเป็นช่วงที่ตัดสินว่าเราจะทำงานได้ดีเพียงใด ซึ่งที่ผ่านมา เรามียอดจำหน่ายในงานมากพอสมควร และงานดังกล่าวถือเป็นการกลับเข้าร่วมงานแสดงรถยนต์อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซึ่งเรามีสินค้ามากมายที่จะนำเสนอให้กับผู้ชม เช่น เอ-คลาสและจีแอลเอที่เปิดตัวก็เป็นสินค้าที่สำคัญของเรา"

การเปิดตัวรถยนต์เล็ก 2 รุ่นซึ่งเป็นโมเดลที่ประกอบในประเทศนั้นมีความสำคัญกับแบรนด์มาก โดยเฉพาะเมื่อรถทั้ง 2 คันนี้ควรจะเปิดตัวก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว แต่ติดปัญหาในเรื่องของโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาต้องทำตลาดเอ-คลาส เวอร์ชั่นนำเข้าที่แพงและมีอุปกรณ์น้อยกว่า ส่วนจีแอลเอนั้น หมดสต๊อกเลิกทำตลาดมาได้สักระยะหนึ่ง

20% คือสัดส่วนการขายของรถยนต์นั่งในกลุ่มคอมแพคต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ การขาดสินค้าหลักในการทำตลาดแน่นอนว่าทำให้ยอดขายของรถกลุ่มนี้หดตัวไปอย่างแน่นนอน และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ในปีนี้ลดลงไปอย่างมาก และการกลับมาของคอมแพคท์คาร์ 2 รุ่นนี้ก็จะทำให้พวกเขาเติบโตขึ้นด้วย

มีการตั้งคำถามถึงการทำราคาจำหน่ายเอ-คลาสใหม่ ที่เริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท และจีแอลเอที่วางราคาจำหน่ายที่ 2 ล้านบาทต้น ๆ ว่าเป็นเพียงราคาเริ่มต้นในการแนะนำสินค้าหรือเป็นราคาจำหน่ายอย่างถาวร โฟลเกอร์ยืนยันอย่างชัดเจนว่านี่คือราคาจำหน่ายอย่างถาวรของรถทั้ง 2 รุ่นในประเทศไทย และจะไม่มีการปรับราคาจำหน่ายขึ้นหรือลงแน่นอน

สร้างโครงสร้างราคาจำหน่ายด้วยความมั่นใจ

"ถ้าเราต้องมาทำการปรับราคาจำหน่าย หรือการตั้งราคาจำหน่ายพิเศษในช่วงแรก มันก็จะแสดงให้เห็นว่าเราเองก็ไม่มั่นใจถึงการทำราคาจำหน่ายรถยนต์ของเรา หรือถ้าต้องมีการลดราคาสินค้า มันก็จะส่งผลกระทบต่อลูกค้าของบริษัทที่ตัดสินใจซื้อสินค้าไปก่อน การทำอะไรด้านราคา มันไม่ส่งผลดีต่อการดูแลลูกค้าของบริษัทในระยะยาวแน่"

นายใหญ่ค่ายเบนซ์เน้นย้ำว่า บริษัทนั้นมีหน้าที่ในการคัดเลือกและจัดหาสินค้าที่มีความเหมาะสมในการทำตลาดกับลูกค้าในประเทศไทย การดูแลเรื่องการขายและบริการหลังการขายให้ดีที่สุด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากของบริษัท การทำราคาจำหน่ายเพื่อให้ได้ยอดจำหน่ายในระยะสั้นนั้นเป็นเรื่องที่ทำแล้วไม่ได้ส่งผลดีเท่าไรนัก

นอกจากนี้ เขายังได้ยกตัวอย่างการทำราคาจำหน่ายกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็กที่ลูกค้าเข้าถึงได้ ว่าสิ่งที่น่าสนใจก็คือ รถยนต์ขนาดเล็กนี้จะทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีอายุน้อยมากขึ้น และเป็นกลุ่มที่พร้อมที่จะเติบโตไปกับแบรนด์ได้ในอนาคต ซึ่งเป็นแนวทางที่บริษัทคิดว่าเดินมาอย่างถูกต้องในเรื่องของการพัฒนาสินค้า

ปรับแผนงานการให้บริการตามทิศทางตลาด

แม้เมอร์เซเดส-เบนซ์จะเป็นแบรนด์ที่อยู่ในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และเป็นหนึ่งในผู้กำหนดมาตรฐานของโชว์รูมและศูนย์บริการที่ต้องให้บริการได้อย่างครบวงจร แต่เมื่อสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาก็มองถึงการขยายธุรกิจทั้งการพัฒนาศูนย์บริการแบบสแตนด์อโลน หรือการดาวน์ไซด์ศูนย์บริการแบบเดิมก็มีให้เห็นในอนาคต

"การเปลี่ยนแปลงใดใดก็ตามเป็นสิ่งที่เราคุยกับตัวแทนจำหน่ายของเราอย่างใกล้ชิดเสมอ ต้องยอมรับว่าหลังการเกิดโควิด-19 นั้น ภาพรวมของธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ตัวแทนจำหน่ายของเราบางส่วนก็อาจจะมีความต้องการปรับเปลี่ยนจากการขายและบริการ ไปเน้นการให้บริการเพียงอย่างเดียว หรืออาจจะขยายเพิ่มขึ้นก็ได้เช่นกัน"

ในปัจจุบันนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีโชว์รูมและศูนย์บริการทั่วประเทศไทย 37 แห่ง และพวกเขาจะเริ่มเปิดศูนย์บริการเพียงอย่างเดียวอีก 4 แห่ง ภายในไตรมาส 2 ของปี 2564 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยไม่มีแผนการลดจำนวนโชว์รูมลงแต่อย่างใด แต่อาจจะมีการปรับรูปแบบเพื่อความเหมาะสมในการทำตลาด

อีกส่วนหนึ่งที่มีผลอย่างมากต่อการปฏิบัติงานของดีลเลอร์ ก็คือการที่ระบบออนไลน์ได้เข้ามามีบทบาทในการทำตลาดกับตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น เช่น การขายรถยนต์ ที่พวกเขาได้ทำการทดลองวางขาย Mercedes-Benz B-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ บี-คลาส) ในระบบออนไลน์ทั้งหมด 80 คัน ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคในประเทศ

นอกจากนี้ ตัวแทนจำหน่ายหลายแห่งของบริษัทได้เริ่มที่จะทดลองการให้บริการแบบเดลิเวอรี่ ที่ลูกค้าไม่ต้องนำรถเข้ามาที่ศูนย์บริการ เพียงแค่ทำการนัดหมายเข้ามา ตัวแทนจำหน่ายจะส่งเจ้าหน้าที่ไปรับรถ นำเข้าเข้ามาที่ศูนย์บริการ และเมื่อลูกค้าทำการชำระเงินเรียบร้อย ก็จะนำรถไปคืนให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นการให้บริการที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ

GolF ก็ว่า... เบนซ์ก็ยังเป็นเบนซ์ล่ะนะ

แม้นายใหญ่ของค่ายคู่แข่งจะแสดงความมั่นใจว่าพวกเขาเตรียมจะเป็นแชมป์ยอดขายรถหรูครั้งแรกในรอบ 21 ปีแล้วจากตัวเลขที่ทิ้งห่างกันพอสมควรในช่วง 3 ไตรมาสแรก แต่เมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังเหลือเวลาในการทำตลาดรถยนต์รุ่นใหม่ของพวกเขาแบบเปิดตัวพร้อมส่งมอบอีก 2 เดือน แน่นอนว่าเกมการแข่งขันนี้ก็คงยังไม่จบง่าย ๆ 

อย่างที่เคยวิเคราะห์กันไปแล้วว่า ความโชคร้ายอีกอย่างของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปีนี้ก็คือ ตัวสินค้าในกลุ่มขายดีที่สุดนั้นดันมาจ่อเตรียมปรับโฉมกันหมด ไม่ว่าจะเป็น Mercede-Benz S-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส) ที่เปิดตัวใหม่ไปแล้วในตลาดโลก หรือแม้แต่ Mercedes-Benz C-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) ก็มีสปายชอตออกมาให้เห็น

คำถามคือเมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ต้องปรับตัวจากการเป็นค่ายรถที่ตั้งรับมาอย่างเหนียวแน่นตลอดหลายปี มาเน้นการทำเกมรุกแบบเต็มรูปแบบเพื่อสร้างยอดจำหน่ายให้เหนือกว่าคู่แข่ง หากต้องการกลับไปเป็นผู้นำตลาดให้ได้อีกครั้งในปีนี้ พวกเขาจะทำได้ดีเพียงใด การตั้งราคาจำหน่ายของคอมแพคท์คาร์ที่น่าสนใจนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

จะทำอย่างไรให้ตัวแทนจำหน่ายทำงานกันอย่างหนักมากขึ้น เพื่อเรียกลูกค้าเข้าโชว์รูมมากขึ้น และตัดสินใจซื้อรถอะไรก็ได้ให้ง่ายขึ้น แคมเปญโปรโมชั่นจะต้องออกมาอีกมากมายขนาดไหน เรีนกว่า 2 เดือนที่เหลือนี้คือช่วงเวลาแห่งการวัดใจ และความท้าทายในตลาดรถยนต์หรูหรา ที่มีการเปลี่ยนตำแหน่งผู้นำรอบ 2 ทศวรรษเป็นตัวประกัน

ถ้าถามผมเองที่ไม่ได้มีผลอะไรกับการที่ใครจะเป็นแชมป์ ก็ต้องมองล่ะว่าค่ายบีเอ็มดับเบิลยูนั้นทำงานมาได้ดีกว่าอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ก็เป็นค่ายรถที่หนักแน่น มีฐานลูกค้าที่น่าสนใจและพร้อมจับจ่ายอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็คงสนุกดีหากเห็นใครสักคนขึ้นมาเป็นแชมป์ในตอนจบ และบอกว่าปีนี้ แข่งกันถึง 31 ธันวาคมอย่างแน่นอน!!! 

 

 

    Channel:
ติดตามพวกเราได้ที่:
Pisan

หัวหน้าทีมบรรณาธิการ

Head of Content ของ AutoFun Thailand ผู้ใช้ชีวิตกับรถมาตั้งแต่สมัยใส่ขาสั้นไปโรงเรียน ทุกวันนี้รถติดบนถนนมากกว่าวันละ 2-3 ชั่...

ซื้อรถถูกกว่า ขายรถเร็วขึ้น

ผู้ใช้ แลกรถในฝันแล้ว
เพิ่มรถของคุณ

แลก

Mercedes-Benz A-Class

ขายรถมือสอง

ตรวจสภาพรถ 175 จุด

รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

การรับประกัน 1 ปี

ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง

ดูเพิ่มเติม

วีดีโอสั้นที่เกี่ยวข้อง

วิดีโอที่เกี่ยวข้อง

The New Mercedes-Benz A 200 AMG Dynamic ก้าวแรกสู่โลกของพรีเมี่ยมคอมแพ็คคาร์ ด้วยสมรรถนะสูงสุดในคลาส

ข่าวล่าสุด

Mitsubishi ลงทุนผลิตเครื่อง 4N16 Hyper Power ใหม่ ให้ใช้งานได้เกิน 400,000 กม.ขึ้นไป

การผลิตเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ รุ่นใหม่ ถึงขั้นต้องปรับปรุงโรงงานขนานใหญ่ ให้เป็นไปตามมาตรฐานญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การประกอบเครื่องยนต์มีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด พร้อมเผยเคล็ดลับความทนทานของเครื่อง 4n16 ใหม่ในรถ 2023 Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) โฉมล่าสุด เปลี่ยนสายพานการผลิตเครื่องยนต์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยกระดับสายการผลิตให้ all-new Triton ต้อนรับการมาของรถรุ่นใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่ 2.4 ลิตร ไฮเปอร์ พาวเวอร์ โดยใช้หุ่นยนต์อันทันสมัยมากกว่า 250 ตัว ทำหน้าที่ในการ

Mercedes-Benz เตรียมใช้แบตเตอรี่ Blade ของ BYD ในรถอีวี

Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ตกเป็นข่าวว่าเตรียมหยิบยืมเทคโนโลยี Blade Battery ของ BYD มาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง สำนักข่าว CBEA ของจีนรายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า รถยนต์รุ่นแรกของ Mercedes-Benz ที่จะใช้แบตเตอรี่ของ BYD คือ All-New CLA รุ่นใหม่ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม 800V MMA แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในจีนเท่านั้นหรือในต่างประเทศด้วย ข่าวดังกล่าวแพร่สะพัดตั้งแต่ต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CBEA รายงานด้วยว่าค่ายรถยักษ์เยอรมันจะเริ่มต้นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ใ

ส่อง MG ZS 7 คัน มือสองดาวน์น้อย ผ่อนสบาย จากทาง CARSOME

วันนี้ เราเอาใจคนรักครอบครัวที่กำลังหาซื้อรถมือสอง ด้วย MG ZS มือสอง คุณภาพเยี่ยมถึง 7 คันพร้อมโปรโมชันสุดปังอย่าง CARSOME Easy Sale ดาวน์น้อย ผ่อนง่าย จ่ายไหว ที่ให้ทุกคนผ่อนรถมือสองได้ง่ายๆ เริ่มต้นเพียง 4,xxx บาทต่อเดือน แถมยังมียอดดาวน์น้อย จ่ายได้สบายกระเป๋า แถมมีสิทธิ์เป็นผู้โชคดี ได้เงินคืนรวม 5 แสนบาท*** พร้อมความคุ้มค่าแบบจุกๆ อีกเพียบ ที่สำคัญ ยังมั่นใจได้ว่า รถมือสองทุกคันจาก แพลตฟอร์มซื้อ-ขายรถยนต์มือสองออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่าง CARSOME ยัง ผ่านการตรวจเช็กอย่

Honda ยืนยันร่วมใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla

Honda (ฮอนด้า) เป็นบริษัทรถยนต์รายล่าสุดต่อจาก Ford และ General Motors ที่จะใช้เทคโนโลยีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla สำนักข่าว Asahi ของประเทศญี่ปุ่นรายงานว่า Honda ประกาศยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าจะใช้พอร์ทชาร์จไฟเร็วของ Tesla ในรถยนต์ไฟฟ้าที่จะออกจำหน่ายในภูมิภาคอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ก่อนหน้านี้ Ford และ General Motors ประกาศนโยบายคล้ายคลึงกันหลังบรรลุข้อตกลงกับ Tesla ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ Rivian อีกหนึ่งบริษัทรถยนต์สัญชาติอเมริกันก็จะเดินตามรอยด้วยเช่นกัน นักวิเคราะห์เ

วิศวกร Honda พัฒนาระบบป้องกันเมาหัวในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีอัตราเร่งทันใจ

ทีมงานฝ่ายวิศวกรรมของ Honda (ฮอนด้า) พัฒนาระบบควบคุมอัตราเร่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการเวียนหัวหรือเมารถ เป็นที่ทราบกันดีว่าอัตราเร่งของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแรงบิดให้ใช้แบบทันทีทันใดนั้นตอบสนองต่อเท้าขวาของผู้ขับขี่ได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะไม่ถูกใจผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเบาะหน้าข้างคนขับหรือเบาะหลังเท่าใดนัก ธรรมชาติของรถยนต์ไฟฟ้านั้นทำงานด้วยความเงียบสงบ ราบรื่น ปราศจากเสียงเครื่องยนต์รบกวน แต่อัตราเร่งที่เกิดขึ้นแบบกระทันหันอาจส่งผลต่อประสาทรับรู้การเคลื่อนไหวของหูชั้นในที่ทำงานไม่ประส

รถแนะนำสำหรับคุณ

ยอดนิยมล่าสุดอัพเดท
ฮิต
MG

MG ZS

THB 689,000 - 799,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG Maxus 9

THB 2,499,000 - 2,699,000

ชมรุ่นรถ
MG

MG ES

THB 959,000

ชมรุ่นรถ
Honda

Honda WR-V

THB 799,000 - 869,000

ชมรุ่นรถ
รุ่นใหม่
BMW

BMW X7

THB 5,999,000 - 8,959,000

ชมรุ่นรถ
BMW

BMW XM

THB 14,899,000

ชมรุ่นรถ
GAC

GAC Aion Y Plus

THB 1,069,900 - 1,299,900

ชมรุ่นรถ
Toyota

Toyota Vellfire

THB 4,129,000

ชมรุ่นรถ
Subaru

Subaru Levorg

THB 1,890,000

ชมรุ่นรถ
Mercedes-Benz

Mercedes-Benz Sprinter

THB 3,790,000

ชมรุ่นรถ

เปรียบเทียบรถที่เกี่ยวข้อง

Mercedes-Benz A-Class
เช็คทันที