มินิ ประเทศไทย เปิดตัว All-New 2020 MINI JCW GP (2020 มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี) เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของรถเล็กที่ได้รับดีเอ็นเอจากสนามแข่ง ด้วยมินิที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์การพัฒนารถยนต์ของแบรนด์ พร้อมให้คนไทยเป็นเจ้าของเพียง 30 คันเท่านั้น

รถยนต์พันธุ์แรงจากมินิ มอบความสปอร์ตทรงพลังและความปราดเปรียวในสไตล์จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ สานต่อตำนานรถแข่งที่ขับเคลื่อนด้วยแรงบันดาลใจจากจอห์น คูเปอร์ นักออกแบบรถแข่งฟอร์มูลา วัน นับตั้งแต่การปรากฎโฉมของมินิรุ่นคลาสสิกครั้งแรกเมื่อ 60 ปีก่อน

ด้วยสไตล์การขับขี่แบบโกคาร์ทอันเป็นเอกลักษณ์ของมินิ รถรุ่นนี้เป็นรถที่สะท้อนจิตวิญญาณที่แท้จริงของแบรนด์ ที่มีพัฒนาการทางด้านการออกแบบ การออกแบบด้านอากาศพลศาสตร์ รวมถึงการพัฒนาด้านเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลังและระบบขับเคลื่อนแบบครบวงจร

ราคาจำหน่าย All-New 2020 MINI JCW GP

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำเข้า มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี เข้ามาจำหน่ายในราคา 4.2 ล้านบาท ด้วยจำนวนจำกัดเพียง 30 คัน

เครื่องยนต์ 4 สูบที่เร็วที่สุดของมินิ

ขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตรเทคโนโลยีมินิ ทวินพาวเวอร์ เทอร์โบ พร้อมยกระดับรายละเอียดเครื่องยนต์อีกมากมาย เทอร์โบชาร์จเจอร์ รวมทั้งเพลาข้อเหวี่ยง ลูกสูบ หัวฉีดน้ำมัน และอ่างน้ำมันเครื่อง ได้รับการพัฒนาใหม่เพื่อมอบการตอบสนองที่เฉียบคมทันใจทุกครั้งที่แตะคันเร่ง

เครื่องยนต์ใหม่นี้ ให้กำลังสูงสุด 306 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,750-4,500 รอบต่อนาที เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 265 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงเครื่องยนต์สุดเร้าใจจากระบบไอเสียที่ออกแบบมาให้มีโทนเสียงเฉพาะตัว

การออกแบบบนพื้นฐานของรถแข่งอย่างแท้จริง มาพร้อมหม้อน้ำ 2 ช่องสำหรับหล่อเย็นสำหรับเครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง ถังพักน้ำหล่อเย็นขนาดใหญ่ขึ้น ระบบเก็บน้ำยาหล่อเย็นที่ออกแบบมาสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ และพัดลมไฟฟ้าเสริมประสิทธิภาพการทำงานยิ่งขึ้นเพื่อควบคุมอุณหภูมิเครื่องยนต์ 

เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะมีระบบระบายความร้อนแยกต่างหาก ระบบเกียร์แบบใหม่ยังช่วยเสริมความสปอร์ตให้กับการเปลี่ยนเกียร์ด้วยปุ่มเปลี่ยนเกียร์ไฟฟ้า หรือหากต้องการเปลี่ยนไปขับขี่ด้วยเกียร์ธรรมดาก็สามารถทำได้โดยใช้แป้นเปลี่ยนเกียร์บริเวณพวงมาลัย

ระบบช่วงล่างของมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี มาพร้อมการพัฒนาด้านหลักจลนศาสตร์ของล้อและเพลา เสริมความคล่องตัวด้วยฐานล้อที่กว้างขึ้นและตัวรถที่ต่ำลง 10 มิลลิเมตร พร้อมพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวถัง ระบบเบรกแบบสปอร์ต

ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ มาพร้อมโหมด GP ที่สามารถเริ่มใช้งานได้เพียงเปิดสวิตช์ โดยจะช่วยเพิ่มเสถียรภาพระหว่างระบบเบรกและระบบการควบคุมเครื่องยนต์ ทำงานควบคู่กับระบบล็อคเฟืองท้าย เพื่อรองรับการควบคุมที่ฉับไวยิ่งขึ้น

ดีไซน์ใหม่เพิ่มความโฉบเฉี่ยด้วยชุดแต่ง

การออกแบบลุครถแข่งพันธุ์แท้ ช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่ ตัวถังได้รับการออกแบบมาเพื่อชูความสมมาตรระหว่างหลักอากาศพลศาสตร์และการไหลเวียนของอากาศ สปอยเลอร์บนหลังคาแบบปีกคู่ พ่วงกับดีไซน์กระโปรงหน้าและขอบสปอยเลอร์หน้า ทำงานร่วมกันในการลดแรงยก

ซุ้มล้อที่กว้างออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนยางสำหรับขับขี่บนสนามแข่งที่ใหญ่กว่าล้อปกติ ช่องดักลมด้านข้างตัวรถ ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 18 นิ้ว มีน้ำหนักไม่ถึง 9 กิโลกรัม มาพร้อมยางสมรรถนะสูงที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ โดยเฉพาะ

ตัวถังสีเทาตัดกับหลังคาและฝาครอบกระจกสีเงิน ชิ้นส่วนกันชนด้านหน้า รวมทั้งด้านหลังที่มาพร้อมไฟตัดหมอกในตัว แผงกระจังหน้าลวดลายทรงหกเหลี่ยม ช่องรับอากาศด้านล่างและด้านในสปอยเลอร์บนหลังคาในสีแดงเงา

ห้องโดยสารเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ห้องโดยสารมาพร้อมเบาะสองที่นั่ง ลดการติดตั้งวัสดุกันเสียงเพื่อลดน้ำหนักของตัวรถ เบาะหนังแท้แบบสปอร์ต ขอบเบาะสีเงินตัดกับตะเข็บสีแดง และสายเข็มขัดสีแดง แผงคอนโซลบริเวณที่นั่งผู้โดยสารปรากฏเลขแสดงลำดับการผลิตของรถแต่ละคันจากการพิมพ์แบบสามมิติ

พวงมาลัยลวดลายจากการพิมพ์แบบสามมิติ หุ้มด้วยวัสดุหนังแท้ ตัดกับตะเข็บสีแดง แป้นเปลี่ยนเกียร์ด้านหลังพวงมาลัยเป็นการนำเหล็กมาขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีพิมพ์แบบสามมิติ ห้องโดยสารตกแต่งด้วยสีดำเป็นหลัก โครงเหล็กอลูมิเนียมด้านหลังเบาะที่นั่งในสีแดง ป้องกันสัมภาระจากหลังรถไหลลื่นมาด้านหน้า 

ระบบความบันเทิงมาพร้อมระบบมินิ คอนเนคต์ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จอแสดงผลขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัลความละเอียดสูงขนาด 5 นิ้ว แสดงความเร็วในการขับขี่ทั้งแบบตัวเลขและเข็มวัด รวมทั้งแสดงผลการขับขี่ในโหมดจีพี ทั้งแบบชั่วคราวและถาวร

มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์คส์ จีพี ใหม่ได้มาถึงประเทศไทย 5 คันแรก จากทั้งหมด 30 คัน ที่ราคา 4.2 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงแพ็คเกจพิเศษเอ็มเอสไอ ครอบคลุมระยะเวลาบำรุงรักษา 10 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร และการรับประกัน 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง และอีก 25 คัน จะพร้อมส่งมอบภายในปี 2563 นี้