ดีไซน์ของกระจังหน้าแบบไตคู่คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดของ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลมายังรถที่ใช้ในสนามแข่ง LMDh คันล่าสุดของค่ายในชื่อว่า BMW M Hybrid V8 ซึ่งยังแสดงถึงภาษาการออกแบบของบีเอ็มดับเบิลยูในยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน
- รถสำหรับการแข่ง 24 ชั่วโมง
- ลายพรางที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ
- ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW อยู่ในนี้หมด
- แข่งได้ ดีไซน์โดน
เปิดตัวรถสำหรับการแข่ง 24 ชั่วโมง
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางค่ายใบพัดฟ้าขาวได้เปิดตัวรถ LMDh ที่จะมาเข้าแข่งขันในรายการ IMSA WeatherTech SportCar Championship ในปี 2023 แต่เมื่อได้เข้าแข่งขันในรายการดังกล่าว อาจจะไม่ได้มีการตกแต่งในลักษณะนี้
ลายพรางที่ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษ
การเปิดตัว BMW M Hybrid V8 ในแบบที่มีลายพรางลักษณะนี้มีไว้สำหรับซ่อนองค์ประกอบบางอย่างที่จะมีไว้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรถขณะทดสอบ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของ BMW M โดยมีการอ้างอิงถึงประวัติศาสตร์ตลอดห้าทศวรรษที่ผ่านมาในลวดลายของรถอีกด้วย
นั่นหมายความว่า ในการออกแบบลายของรถนั้นจะมีลวดลายของ 1976 BMW 3.0 CSL, 1981 M1/C, the 1978 320i Turbo, 1986 GTP, M3 E36 GTS-2, Z4 GTLM, และ M8 GTE ซ่อนอยู่ในลายพรางนี้
ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW
ดีไซน์ในส่วนที่เหลือก็น่าสนใจเช่นเดียวกัน เพราะรถคันนี้ได้นำภาษาการดีไซน์เอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูเข้ามาอย่างครบถ้วน โดยทีมพัฒนาไม่ได้รับมอบหมายแค่ทำให้รถเร็วขึ้นและลู่ลมเพียงเท่านั้น
แต่ยังผนวกรวมองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เข้ามาด้วย ได้แก่ กระจกข้าง M แบบตะขอ, ลายกราฟฟิค Hofmeister kink, ไฟหน้า BMW icon lights และสุดท้ายคือกระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบของ BMW ในยุคใหม่ ได้แก่ กระโปรงหน้าที่มีร่องตรงกลางแบบ M4 โฉมปัจจุบัน แม้ว่าลักษณะภายนอกโดยรวมจะดูเหมือนรถคันอื่น ๆ ในรายการนี้ แต่ก็ดูเหมือนว่ามีการออกแบบให้เอกลักษณ์ของแบรนด์เข้ามาในรถแข่งได้อย่างลงตัว เมื่อเทียบกับ BMW V12 LMR ที่ชนะการแข่งขัน Le Mans ในปี 1999
แข่งได้ ดีไซน์โดน
Michael Scully ผู้อำนวยการด้านยานยนต์ระดับโลกของ BMW Group Designworks กล่าวว่า “งานของทีมของเราคือการทำให้ BMW M Hybrid V8 นั้นเป็นรถจากบีเอ็มดับเบิลยู และโอบรับทุกโอกาสที่ทำให้มันสามารถอยู่ในสนามแข่งได้”
ตัวอย่างของการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด
“การออกแบบมีรากฐานมาจาก DNA ของ BMW ที่มีความหมาย สมรรถนะที่มีประสิทธิภาพ และลักษณะภายนอกที่ดูดุดัน ทำให้เกิดเครื่องยนต์เทอร์โบที่รวมเข้ากับระบบส่งกำลังไฟฟ้าแบบไฮบริดที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว”
ทาง BMW กล่าวว่า จะทำให้รถคันนี้เป็น “ตัวอย่างของไดนามิกและความตื่นเต้นของการแข่งขันที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบไฮบริด”
รถคันนี้ถูกพัฒนาจากการสนับสนุนของ Dallara และจะต้องได้รับการทดสอบสมรรถนะก่อนการแข่งขันจริงในรายการ Rolex 24 ที่เมือง Daytona ในเดือนมกราคม 2023 โดยมีการออกแบบเพื่อให้เป็นไปตามข้อบังคับของ LMDh และจะมีสิทธิ์เข้าแข่งขันในรายการ 24 Hours of Le Mans ด้วยเช่นเดียวกัน
อ่านเพิ่มเติม : BMW M ฉลองครบรอบ 50 ปี ด้วยโลโก้แบบคลาสสิคและสีพิเศษ ที่มีแรงบันดาลใจจากอดีต