Continental ไม่หวั่นพิษโควิด แจงแผนการรับมือ พร้อมกำไรเพิ่มขึ้น 8.1%

หลาย ๆ คนพอพูดถึง Continental มักจะนึกถึง”ยาง”กันใช่ไหมครับ แต่อันที่จริงแล้ว เขาเป็นกลุ่มธุรกิจที่พัฒนาเทคโนโลยีสำคัญ ๆ เพื่อยานยนต์ ซึ่งประกอบไปด้วย

คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ แบงคอก แถลงข่าวการคาดการณ์ผลประกอบการประจำปี 2563 พร้อมนำเสนอเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ นำโดย ปีเตอร์ รางเคิล ประธานฝ่ายบริหารภูทิภาคอาเซียน และ ดร. ณรงค์ศักดิ์ รัตนสุวรรณชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดภูมิภาคอาเซียน

แผนการเดินงานในอนาคต

ในไตรมาสที่ 3 ของปี คอนติเนนทอลกำลังทำการวางแผนการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพิ่มเติม 2 ระยะ คือ

1. การปฏิรูปองค์กรอย่างยั่งยืนหรือ Transformation C โดยใช้เวา 10 ปีตั้งแต่ พ.ศ. 2562-2572 เพื่อการพัฒนาศักยภาพในการแข่งขันทางธุรกิจ และส่งเสริมการเติบโตขององค์กรในระยะยาว
2. การปรับเปลี่ยนระยะสั้น ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4 ปี จนถึงปี 2567 เพื่อปรับตัวกับการที่ค่ายรถยนต์ทำการออกตัวรถใหม่น้อยลง

ทั้งนี้ยอดขายในไตรมาสที่ 3 จะลดลง 2.7% จากปี 2562 ด้วยสถานการณ์ Covid-19 คอนติเนนทอลกล่าวว่า ประเทศแรกที่ฟื้นตัวได้ไวที่สุดคือประเทศจีน ที่ปรับตัวขึ้นมาได้ 11 % เร็วกว่าในอเมริกาที่เติบโตเพียง 0.5% และยุโรปที่ลดตัวลงถึง 10%

แต่ภาพรวมของบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 8.1% โดยคาดว่ารายได้รวม Continental Group จะอยู่ที่ 37.5 พันล้านยูโร เป็นกำไร 3% และกลุ่ม Automotive รายได้ประมาณ 58.5% ของรายได้ทั้งหมด คิดเป็นจำนวน 22 พันล้านยูโร

Continental เตรียมการรับมือ Covid-19 อย่างไร

ทางคอนติเนนทอลแจ้งว่าด้วยโควิด 19 ทำให้ส่งผลกระทต่อพนักงาน 30,000 คนในบางประเทศ จึงได้ออกนโยบายการปรับตัว Transformation C ที่จะช่วยปฏิรูบองค์กรในระยะยาว เช่น การปรับตัวในการออกสินค้าใหม่ โดยยกตัวอย่างหน้าปัดรถยนต์ที่ปกติใช้เป็นแบบเข็ม Analog แต่ในอนาคตมีแนวโน้มที่จะเป็นแบบ Digital มากขึ้น จึงวางแผนที่จะปรับเปลี่ยนสินค้าแบบเก่าให้มีความเป็น Digital มากขึ้น

จะมีการลงทุนในไทยเพิ่มเติมหรือไม่ เมื่อค่ายรถยนต์เน้นการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า

สำหรับในประเทศไทย เดิมจะมีการลงทุนในด้านของยางมอเตอร์ไซค์ แต่ด้วยสถานการณืโควิดทำให้มีการล่าช้า ซึ่งจะเลื่อนการเปิดโรงงานไปในปีหน้า

แต่ในส่วนของประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ได้มีการเปิดโรงงานใหม่ ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะทำเกี่ยวกับ เซนเซอร์ของระบบขับเคลื่อน ที่จะเริ่มลงทุนมากขึ้นในปีหน้า

ด้านของการปรับเปลี่ยนรถยนต์ที่เป็นไฟฟ้า จะไม่มีการลงทุนในประเทศไทยเช่นกัน แต่จะไปเปิดโรงงานที่เมืองเทียนจิน,ประเทศจีน เพื่อลงทุนกับมอเตอร์ไฟฟ้า

อะไรคือปัจจัยที่ส่งผลให้การลงทุนในประเทศไทยล่าช้า?

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการลงทุนก็คือ ข้อห้ามในการเดินทางออกนอกประเทศ ส่งผลให้ไม่สามารถส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเพื่อศึกษา ทำวิจัย หรือดูงานได้

ด้วยสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย จะส่งผลต่อปัจจัยการลงทุนมากขึ้นหรือไม่

จากสถาณการณ์การเมืองในประเทศไทย จะไม่ส่งผลต่อการลงทุนในประเทศ เนื่องจากเรื่องของการเมืองเป็นเรื่องระยะสั้น ทางบริษัทเองมองในด้านของการลงทุนระยะยาวมากกว่า อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจาก BOI จึงยังคิดว่าจะลงทุนในประเทศต่อไป

โดยรวมแล้ว Continental ถือว่ามีการออกนโยบายรองรับสถานการณ์ Covid-19 ออกมาได้ดี ทั้งเรื่องการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับตลาดในอนาคตที่จะกลายไปสู่ยุค Digital มากขึ้น และการเตรียมตัวรับมือของจำนวนรถที่จะออกรุ่นใหม่ ๆ น้อยลง รวมถึงลูกค้าที่อาจจะลดลงเนื่องจากยังอยู่ในสภาวะฟื้นตัวอีกด้วย