ผลการศึกษาตลาดชี้ Ford (ฟอร์ด) และ General Motors (จีเอ็ม) จะมีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นจนแซงหน้า Tesla (เทสล่า) ได้ภายในปี 2025
Bank of America Merrill Lynch เปิดเผยรายงานประจำปีชื่อ “สงครามรถยนต์” (Car Wars) ระบุว่า ส่วนแบ่งยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla จะลดลงจาก 70% ในปัจจุบันเหลือเพียง 11% ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า
ขณะเดียวกัน Ford และ GM จะมีมาร์เก็ตแชร์ตลาดอีวีเพิ่มขึ้นเป็น 15% ในช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้สองค่ายยักษ์อเมริกันจะสามารถพุ่งแซง Tesla ได้สำเร็จ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ปัจจัยบวกช่วยส่งค่ายรถดั้งเดิม
จอห์น เมอร์ฟี นักวิเคราะห์อาวุโสของ Bank of America Merrill Lynch ซึ่งเป็นผู้เขียนรายงานดังกล่าวเปิดเผยว่า สองค่ายรถยักษ์ใหญ่จากดีทรอยท์จะทำยอดขายได้มากกว่า Tesla อย่างแน่นอนภายในปี 2025 ด้วยการทำตลาดรถกระบะไฟฟ้าอย่าง Ford F-150 Lightning และ Chevrolet Silverado EV
“ศักยภาพของ Tesla ที่ครอบครองตลาดอีวี โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกานั้นใกล้จะจบสิ้นลงแล้ว ตลาดกำลังจะพลิกโฉมหน้าไปสู่ค่ายรถดั้งเดิมที่เริ่มทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัวภายใน 3-4 ปีข้างหน้า” เมอร์ฟี กล่าวเพิ่มเติม
ผู้เขียนรายงานสงครามรถยนต์ยังเชื่อว่า ความล้มเหลวของ Tesla จะมาจากการไม่ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ตามแผนที่กำหนดไว้ซึ่งช้าเกินไป จึงไม่สามารถต่อสู้กับบริษัทรถยนต์ดั้งเดิมที่มีความพร้อมมากกว่า อีกทั้งยังถูกไล่จี้ตามบรรดาบริษัทสตาร์ทอัพอีกด้วย
“Tesla โลดแล่นอยู่ในตลาดที่แทบไม่มีการแข่งขันมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แต่เวลานี้ ตลาดจะมีการบดบี้กันอย่างดุเดือดมากขึ้นในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยจะมีผลิตภัณฑ์ดี ๆ มากมายได้รับการนำเสนอออกสู่ตลาด” เมอร์ฟี กล่าว
ที่ผ่านมา Tesla ประกาศเลื่อนการจัดจำหน่ายรถกระบะ Cybertruck หลายต่อหลายครั้ง ขณะที่แผนการทำตลาดรถสปอร์ต Roadster ก็ถูกดีเลย์ออกไปอีก
ก่อนหน้านี้ Ford เคยประกาศไว้แล้วว่าจะเอาชนะ Tesla ให้ได้ภายในปี 2030 โดยวางแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 2 ล้านคันภายในปี 2026 ขณะที่ GM มีเป้าหมายคล้ายกันคือการจำหน่ายรถอีวีให้ได้มากกว่า 2 ล้านคันในปี 2025 ทั้งในสหรัฐอเมริกาและจีน
รายงานสงครามรถยนต์ยังคาดการณ์ไว้ด้วยว่า 60% ของรถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาในปี 2026 จะเป็นรถไฮบริดหรือรถยนต์ไฟฟ้า
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });