Foxconn (ฟ็อกซ์คอนน์) บริษัทเทคโนโลยีจากไต้หวัน เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แก่บริษัทอื่น ๆ มากมาย และเมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์เปลี่ยนเป็นไฟฟ้ามากขึ้น ฟ็อกซ์คอนน์จึงได้ผลิตแพลทฟอร์มอีวีของตัวเองเพื่อรับผลิตอีวีให้บริษัทต่าง ๆ

ฟ็อกซ์คอนน์ได้ร่วมมือกับปตท.ในชื่อ HORIZON PLUS เพื่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชีย และตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย และจะเริ่มผลิตอีวีสำหรับชาวไทยได้ในอีกไม่กี่ปี

แพลทฟอร์มอีวีของฟ็อกซ์คอนน์มาในชื่อ MIH ซึ่งมีความยืดหยุ่นมาก สามารถปรับเปลี่ยนเป็นรถรูปแบบต่าง ๆ ได้ อ่านตัวอักษรแล้วอาจจะไม่เห็นภาพ ฟ็อกซ์คอนน์จึงเผยโฉมรถไฟฟ้า 3 รุ่นแรกภายใต้แบรนด์ Foxtron เพื่อแสดงถึงศักยภาพของแพลทฟอร์ม มีทั้งตัวถังซีดาน เอสยูวี ไปจนถึงรถบัส

ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ในบูธของ Arun+ ของปตท. ก็มีรถยนต์ไฟฟ้าจาก Foxconn ในนาม Foxtron มาจัดแสดงเช่นกัน ที่เจาะจงนำรุ่นนี้มา อาจแสดงว่าคนไทยอาจจะได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบนี้ก็ได้นะ

Foxtron Model C (ฟ็อกซ์ตรอน โมเดล ซี) เป็นหนึ่งในรถที่ฟ็อกซ์คอนน์สร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงศักยภาพการผลิต Model C มีตัวถังแบบเอสยูวีครอสโอเวอร์ 5 ประตู สร้างอยู่บนพื้นฐานแพลทฟอร์ม MIH 

มิติของ Model C มีความยาวที่ 4,640 มม. ความกว้างที่ 2,185 มม. และมีฐานล้อยาว 2,860 มม. เป็นรถแบบ 5+2 ที่นั่ง ถูกวางไว้เป็นเอสยูวี C-Segment ซึ่งคู่แข่งในเซกเมนต์เดียวกัน ได้แก่ Honda CR-V, Haval H6 หรือ Mazda CX-5 แต่ทั้งหมดนี้ใช้เครื่องยนต์สันดาปทั้งหมด

วิ่งได้ถึง 700 กม. ต่อหนึ่งชาร์จ!

สมรรถนะของ Model C ทางบริษัทระบุว่าเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 400 แรงม้า และมีแรงบิด 700 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. อยู่ที่ 3.8 วินาที ยังไม่มีการระบุถึงความจุแบตเตอรี่แต่สามารถวิ่งได้ถึง 700 กม. ต่อหนึ่งชาร์จ

ตัวเลขที่ได้มานั้นเกิดจากการออกแบบตัวถังให้มีค่าต้านอากาศ (Cd) เพียง 0.27 และทำให้ประสิทธิภาพของ Model C อยู่ที่ 13.4 kWh/100 กม.(ยิ่งน้อยยิ่งดี) ซึ่งถือว่าประหยัดมาก

ภายนอกที่ออกแบบให้ประหยัดพลังงานและดูมินิมอล

ภายนอกของ Model C ไฟหน้าถูกดีไซน์ให้เหมือนเป็นเส้นเดียว แต่ภายในมีไฟ LED และไฟเดย์ไลท์รูปตัว L ซ่อนอยู่ไฟทั้งสองข้างถูกเชื่อมด้วยโคมใสที่ใส่ชื่อแบรนด์ “Foxtron” ด้านล่างมีช่องดักอากาศรวมกับเส้นไฟหน้าทำให้ดูมินิมอล ฝากระดปรงหน้าลายคาร์บอนไฟเบอร์

ด้านข้างทำให้เห็นว่าตัวรถมีสีแบบทูโทน มีสีดำเงาทั้งครึ่งบนและชายด้านล่างของรถ สีดำเงายังต่อเนื่องไปยังซุ้มล้อ และส่งไปยังด้านหลังของรถ ที่ด้านข้างได้ติดชื่อแบรนด์ “Foxtron” ไว้ด้วย มือจับประตูแบบแนบไปกับตัวรถซึ่งอาจต้องกดแล้วดังเปิดเหมือนกับ Tesla และล้ออัลลอยลายใบพัด รัดด้วยยาง 215/55 R20

พาร์ทสีดำเงาต่อเนื่องมายังด้านหลังและยกตัวขึ้นพอเป็นพื้นที่ใส่ป้ายทะเบียน ไฟท้ายแบบ LED เส้นนอนเส้นเดียวล้อกับไฟหน้า พร้อมชื่อแบรนด์ฝังอยู่ข้างในโคม มีดิฟฟิวเซอร์ด้านล่างเพิ่มความเป็นครอสโอเวอร์และอาจช่วยเรื่องการไหลเวียนของอากาศ

ภายในหรูหราผสมความสปอร์ต

เนื่องจากทางบูธไม่ได้เปิดให้เข้าชมภายในจึงเก็บภาพมาได้ไม่มากนัก ภายในมีโทนสีและดีไซน์ที่แสดงถึงความหรูหราและมินิมอลในคราวเดียวกัน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นสามก้าน จอมาตรวัดและจอกลางแบบดิจิตอล คอนโซลกลางมีเกียร์แบบปุ่มหมุน

ที่นั่งด้านหลังดูมีพื้นที่เพียงพอสำหรับ 3 คน มีที่พักแขน และอาจพับแบบ 60:40 ได้เพื่อเพิ่มความเอนกประสงค์ โทนสีโดยรวมจะเป็นสีขาวตัดกับสีเทาและดำ ทำให้ความหรูหราและความสปอร์ตผสานกันอย่างลงตัว

อาจมีราคา 1.2 ล้านบาท ไม่รวมมาตรการลดภาษี

ในงานเปิดตัวรถไฟฟ้า 3 รุ่นแรกภายใต้แบรนด์ Foxtron ทาง Foxconn ยังไม่เปิดเผยราคา ของ Model C และจะเปิดขายในช่วงปี 2023 มีข่าวลือว่าราคาจะไม่เกิน 1 ล้านดอลล่าร์ไต้หวัน (1.2 ล้านบาท)

การร่วมมือระหว่าง ปตท. และ Foxconn สร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นแล้ว แต่คนไทยยังต้องรออีกประมาณ 3-4 ปีกว่าจะมีรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในไทยจริง ๆ แล้วรถคันนั้นจะใกล้เคียงกับ Model C หรือไม่ ต้องมาคอยลุ้นกัน

หากสนใจ Foxtron Model C สามารถลองมาสัมผัสตัวจริงได้ที่บูธ Arun+ ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม – 3 เมษายน พ.ศ. 2565 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

อ่านเพิ่มเติม : Foxconn เปิดตัวรถไฟฟ้าแล้ว 3 รุ่น พร้อมเผยแผนการผลิตในไทยกับปตท.