หลังจากเปิดตัวทำตลาดในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2556 ในฐานะรถยนต์นั่ง 4 ประตูรุ่นแรกในโครงการอีโคคาร์ เฟสหนึ่ง 2019 Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมากมาย และเพื่อให้รับมือกับคู่แข่งมากหน้าหลายตา
จวบจนกระทั่งในปัจจุบัน แอททราจได้อัพเกรดตัวเองเข้าสู่โครงการอีโคคาร์ เฟสสอง โดยไม่ได้ทำการปรับเปลี่ยนอะไรของรถมากมาย แต่เป็นการเพิ่มระบบและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ผ่านมาตฐานและข้อกำหนดขั้นต่ำ พร้อมทั้งการปรับโฉมที่ทำให้รถมีความปราดเปรียวมากขึ้นที่ภายนอกของตัวรถรุ่นล่าสุด
ราคาจำหน่ายที่ปรับขึ้นมาเพียง 7,000-19,000 บาทใน 4 รุ่นย่อย โดยในรุ่นท็อปมาพร้อมราคาจำหน่ายเพียง 6.24 แสนบาท ถือเป็นราคาที่ไม่แพงเมื่อเทียบกับรถยนต์อีโคคาร์ยุคใหม่ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ใหม่กว่าและราคาจำหน่ายที่สูงกว่า และต้องบอกว่ารถคันนี้ก็มีความน่าสนใจในแบบของตัวมันเอง
AutoFun ใช้เวลาอยู่กับรถคันนี้ร่วม ๆ สัปดาห์ เพื่อจะพบว่าแอททราจนั้นยังได้รับการถ่ายทอดความดีงามมาทุกประการ ห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบาย ช่วงล่างนุ่ม พวงมาลัยเบา เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง แถมด้วยระบบอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาให้เพิ่มเติมก็ถือว่าทำให้รถดูดีมีชาติตระกูลเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม จุดที่ยังเป็นปัญหาก็คือเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 78 แรงม้า ที่เอาจริง ๆ ต้องบอกว่าสู้คู่แข่งไม่ได้แล้ว เพราะคู่แข่งในตระกูลอีโคคาร์หนีกันไปไกลมาก แต่รถคันนี้ยังสามารถตอบสนองผู้ขับขี่ใจเย็น ที่ต้องการของเล่นแบบไม่หวือหวาและความสบายใจในการใช้งานบนท้องถนนประเทศไทยได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ
ราคา 2019 Mitsubishi Atttrage
ราคาจำหน่าย 2019 Mitsubishi Atttrage |
รุ่น 1.2 GLX 5MT |
4.94 แสนบาท |
รุ่น 1.2 GLX CVT |
5.36 แสนบาท |
รุ่น 1.2 GLS CVT |
5.79 แสนบาท |
รุ่น 1.2 GLS-Ltd. CVT |
6.24 แสนบาท |
อะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างในโฉม Mitsubishi Atttrage ปี 2019
มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในมิตซูบิชิ แอททราจ รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยรวม ๆ เป็นการทำให้รถมีความสดใหม่มากขึ้น โดยรถมาพร้อมกระจังหน้าแบบไดนามิกชิลด์ดีไซน์ มีการเปลี่ยนกระจังหน้า กันชนหน้าและกันชนท้ายใหม่ ทำให้มีความสวยงามเฉียบคม
นอกจากนี้ ยังได้เปลี่ยนมาใช้ล้ออัลลอย 15 นิ้วลายใหม่ ที่มาพร้อมยางขนาด 175/55 R15 มีการเปลี่ยนไฟหน้าดีไซน์ใหม่ แบบโปรเจคเตอร์เลนส์ ไบ-แอลอีดี ไฟตัดหมอกดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟท้ายแบบแอลอีดี ไลท์ ไกด์ดิ้ง ภายในมาพร้อมเครื่องเสียง 7 นิ้วระบบสัมผัสใหม่ รองรับแอปเปิล แอร์เพลย์
เพิ่มบรรยากาศแบบสปอร์ตด้วยชุดมาตรวัดเพิ่มขอบสีแดง และเบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ เดินตะเข็บด้ายสีขาว พร้อมด้วยอุปกรณ์ความปลอดภัยอย่างถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง และระบบความปลอดภัยตามมาตรฐานอีโคคาร์ เฟสสอง ที่ทำให้รถมีความปลอดภัยและน่าใช้งานเพิ่มมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบเสริมแรงเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยมาตรฐานสำหรับรุ่นย่อยทุกรุ่นของแอททราจรุ่นปรับปรุงล่าสุดนี้
การเปลี่ยนแปลงในภาพรวมทำให้แอททราจใหม่ มีรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว ดุดันเพิ่มขึ้น ทั้งภายในและภายนอกของตัวรถ และมีอุปกรณ์ ของเล่น ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาจำหน่ายที่ปรับเพิ่มขึ้นมานั้น ถือว่ามีความคุ้มค่าดีอยู่ แต่จะแข่งกับคู่แข่งรายอื่นได้หรือไม่นั้น ยังเป็นเรื่องที่ตั้งคำถามอยู่
ภายนอกหล่อขึ้นพร้อมความโฉบเฉี่ยวรอบคั น Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ)
แวบแรกที่มองเห็น มิตซูบิชิ มิราจ จอดอยู่ที่ลานจอดรถ เอาจริง ๆ ก็รู้สึกสะดุดตาขึ้นจากรุ่นเดิมเป็นอย่างมาก เพราะเราจะชินกับอีโคคคาร์หน้าตาจืดชืดของมิตซูบิชิมานาน จนลืมไปว่าพอพวกเขาทำการถ่ายทอดแนวทางการออกแบบไดนามิกชิลด์ไปให้กับรถ จะทำให้รถดูดีขึ้นมากขนาดนี้
นอกเหนือไปจากลายเส้นของตัวรถมีความเฉียบคมมากขึ้น อุปกรณ์ที่นำมาติดตั้งเองก็ได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีลวดลายกราฟฟิกและมิติของอุปกรณ์แต่ลิ้นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชุดโคมไฟหน้าแบบใหม่ที่ลงตัวกับกระจกหน้า มาพร้อมไฟส่องสว่างเวลาวิ่งแบบแอลอีดี และระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ
ด้านหลังก็ได้รับการออกแบบให้มีมิติที่สวยงามมากขึ้น แม้โครงสร้างตัวถังเดิมแบบ 4 ประตูจะทำให้สปอร์ไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่การเลือกใช้ชุดโคมไฟแบบใหม่ที่ดูมีมิติก็ทำให้รถดูดีขึ้น ไฟเบรกดวงที่สามส่องสว่างอย่างชัดเจน ขัดใจก็ตรงเสาอากาศโด่เด่สีดำที่ดูไม่สวยและเกะกะรถอย่างชัดเจนที่สุด
กุญแจรีโมทคอนโทรล มาพร้อมกับระบบเปิดประตูโดยไม่ต้องกดรีโมท ด้วยการกดปุ่มดำ ๆ เล็ก ๆ ใต้มือจับประตูฝั่งคนขับ ฝาท้ายก็เปิดได้ด้วยปุ่มประเภทเดียวกัน หลาย ๆ คนอาจจะคิดเหมือนกันว่าการออกแบบมันดูไม่สวยเลย แต่เอาจริง ๆ ในรถขนาดนี้มีมาให้ก็มองข้ามดีไซน์เก่า ๆ ไปได้แบบไม่ติด
ประตูนั้นเปิดได้กว้างและสามารถเดินเข้า-ออกตัวรถได้โดยสะดวก เบาะที่นั่งที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้ต้องย่อตัวลงไปเวลาก้าวเข้ารถ ผู้โดยสารที่สูงไม่เกิน 170 เซนติเมตรจะสามารถเข้า-ออกและนั่งโดยสารได้ในทุกตำแหน่งแบบไม่รู้สึกอึดอัด แม้จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่สุดของค่ายมิตซูบิชิก็ตาม
ห้องโดยสารภายในที่อยากให้ Mitsubishi Attrage มาดูงาน
ถ้าจำกันได้ เราเคยบ่นกันเยอะเหมือนกันเรื่องห้องโดยสารของ 2020 Mitsubishi Xpander Cross ว่าห้องโดยสารนั้นทั้งเชย ทั้งไม่มีฟังชันส์การใช้งานที่ดีมากพอ ทำให้พอก้าวขึ้นมาในห้องโดยสารของแอททราจแล้ว แทบอยากจะไปเชิญทีมออกแบบรถ 2 คันนี้มานั่งแลกเปลี่ยนความรู้กันเสียหน่อย
แม้จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีราคาจำหน่ายถูกที่สุดของค่าย แต่ในรุ่นท็อปของแอททราจนั้น เรียกว่าจัดมาเต็มระบบเท่าที่รถสักคันพึงมี แน่นอนว่าการเปลี่ยนฟอนท์วิทยุหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วทำให้รถดูดีขึ้นมาอีกโข แถมยังรองรับแอปเปิล คาร์เพลย์แบบเสียบสายได้อีก นี่รถราคาถูกกว่าอีกนะ
เกียร์แบบขั้นบันได พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง เบรกมืออันใหญ่ไปสักนิด การควบคุมเครื่องเสียงและระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติบนคอพวงมาลัย มาพร้อมระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์เมื่อรถจอด ซึ่งปิดเถอะ เพราะกว่าจะสตาร์ทกลับมาใช้เวลานานเหมือนกัน เกะกะรถคันอื่นเขา
เบาะที่นั่งนั้น นุ่มสบาย แต่ไม่กระชับกับตัวสักเท่าไรนัก ทำให้อาการโยนตัวเล็ก ๆ เวลาเปลี่ยนเลนไวไว หรือเข้าโค้งที่ความเร็วสูง ข้อดีอีกอย่างก็คือ มีที่เท้าแขนสำหรับผู้ขับขี่มาให้ ระบบปรับอากาศเป็นแบบดิจิตอลแล้วเรียบร้อย ช่องยูเอสบีหน้ารถนั้นไม่เหมาะกับการชาร์จไฟ เพราะชาร์จได้ช้ามาก
ห้องโดยสารตอนหลังนั่งสบายอย่างไม่น่าเชื่อ ที่พักแขนสำหรับเบาะหลังดูเหี่ยว ๆ แต่ก็มีที่วางแก้วมาให้เรียบร้อย แถมรถคันนี้ยังมีช่องวางของจุกจิกมากมายเต็มคันรถไปหมด แถมรุ่นท็อปเองก็มีระบบนำทางมาให้เรียบร้อยด้วย เรียกว่าไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่มเลยสำหรับลูกค้าที่ซื้อรถคันนี้
เครื่องยนต์ 2019 Mitsubishi Atttrage แนวพอเพียง เลี้ยง ๆ ในเมืองพอไหว
มิตซูบิชิไม่ได้ทำการปรับเปลี่ยนอะไรในตัวเครื่องยนต์รุ่นนี้เลยแม้แต่น้อย พวกเขายังคงฝากความหวังไว้กับเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ที่มาพร้อมพละกำลังแบบน่ารักน่าทนุถนอม เหมาะกับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก หรือหากต้องการสมรรถนะก็ต้องบี้คันเร่งกันแบบหนักหน่วงให้ได้มาซึ่งการตอบสนองที่ดีขึ้นมาหน่อย
เครื่องยนต์ที่ใช้งานมายาวนานอย่างเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เจ้าของรหัส 3A92 ปริมาตรกระบอกสูบ 1,193 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์ธรรมดา 5 สปีดในรุ่นล่างและเกียร์อัตโนมัติซีวีที ในรุ่นท็อปที่เราทำการทดสอบ
อ่านตัวเลขสเปคของเครื่องยนต์แล้วรู้สึกอย่างไร ขอบอกว่าในการทดลองขับจริงก็ไม่น่าจะแตกต่างจากที่คิดไว้สักเท่าไหร่ เครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่มาในแนวเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ เหมาะสมสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ไม่ได้เน้นที่ความจี๊ดจ๊าดปราดเปรียวมากมาย อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำใจให้มากหากเลือกคบหากับรถคันนี้
การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้นแม้จะไม่ได้ดุดัน แต่ก็ไม่ได้อืดอาดจนน่ารำคาญ เพราะบุคลิกของเกียร์ซีวีทีรุ่นใหม่ของมิตซูบิชิที่ดูฉลาดขึ้น ถ้ารู้จักจังหวะของรถและเลือกที่จะใช้งานคันเร่งที่เหมาะสม คุณก็พารถคันนี้ซอกแซกไปตามท้องถนนได้อย่างสนุกสนาน ที่ย่านความเร็วกลางสัก 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หลังจาก 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปแล้ว อย่าไปคาดหวังว่ารถนั้นจะมีอาการกระตือรือล้นอะไรมากมายได้อีก แต่ถ้าคุณใจแข็งที่จะกดคันเร่งต่อไปเรื่อย ๆ ความเร็วของรถมันก็จะขึ้นไปเรื่อย ๆ แบบหนืด ๆ และถ้าถามว่ามันทำความเร็วสูงสุดได้ขนาดไหน บอกเลยว่าเกิน 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ยังไปไหว แต่ไม่แนะนำให้ทำนะ เหนื่อยแน่นอน
รายละเอียดทางเทคนิค 2019 Mitsubishi Attrage
รายละเอียดทางเทคนิค 2019 Mitsubishi Attrage |
เครื่องยนต์ |
3A92 |
ความจุ (ซีซี.) |
1,193 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า) |
79 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร) |
100 |
ระบบส่งกำลัง |
อัตโนมัติ ซีวีที |
รองรับเชื้อเพลิง |
แก๊สโซฮอล์ อี20 |
ช่วงล่างก็ยังพอเป็นจุดขายที่ดีได้อยู่ 2019 Mitsubishi Attrage
การเซตอัพช่วงล่างของมิตซูบิชิ แอททราจนั้น ต้องคิดไว้เลยว่าทีมงานเซตมันมาสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก รายละเอียดทางเทคนิคนั้น ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท ช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมติดตั้งเหล็กกันโคลงมาให้ที่ด้านหน้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน
เอาจริง ๆ ถ้าเป็นการใช้งานหลัก ๆ ที่เจาะจงว่าเหมาะสมกับรถอีโคคาร์ แอททราจนั้นสามารถให้ความสะดวกสบายแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ตลอดทาง ยกเว้นในกรณีที่วิ่งความเร็วสูง ๆ อาจจะเกิดอาการไม่ไว้วางใจช่วงล่าง หรือหากมีการรูดไปกับถนนขรุขระ ก็อาจจะมีเสียงดังตึงตังให้พอสังเกตกันได้
พวงมาลัยของรถนั้นเซตมาเอาใจคุณสุภาพสตรีเป็นหลัก ด้วยน้ำหนักพวงมาลัยที่เรียกได้ว่าเบา สบาย และเหมาะสมกับการใช้งานในเมืองที่มีจังหวะที่ต้องมุดซอกแซกกันบ้าง แถมด้วยวงเลี้ยวที่แคบเพียง 4.8 เมตร ถือเป็นจุดขายหลักอีกเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ สำหรับความไดนามิกของรถในการใช้งานในเมืองใหญ่
แต่ทั้งช่วงล่างและพวงมาลัยนั้น ไม่ได้เซตมาสำหรับการวิ่งออกนอกเมือง ไปเจอถนนเส้นใหญ่ ๆ ที่สิบล้อวิ่งกันมาก ๆ มีลมปะทะเยอะ ๆ หรือแม้แต่ถนนพื้นผิวขรุขระที่เราพบเจอกันในชีวิตประจำวัน ตัวรถนั้นพร้อมจะออกอาการเป๋ออกมาให้เห็นได้ทันที ยิ่งถ้าเป็นย่านความเร็วสูงนั้นยิ่งแล้วกันไปใหญ่
กลับมาที่การใช้งานรถยนต์ตามสภาพของการที่ถูกออกแบบมา อย่างที่บอกนะว่ามิตซูบิชิ แอททราจนั้น ถูกออกแบบมาเป็นอีโคคาร์ ซึ่งเน้นเรื่องการใช้งานที่พอเหมาะพอสม มีความคล่องตัวมาก ให้อุปกรณ์การใช้งานมาอย่างครบครัน ไม่ได้เน้นไปซิ่งไปแข่งกับใคร ถ้ามองมุมนั้น รถคันนี้ก็ถือว่ายังพอไหวอยู่
บทสรุปสำหรับ 2019 Mitsubishi Attrage
จริง ๆ แล้วรถยนต์ทุกคันในโลกก็มีจุดประสงค์และเป้าหมายในการพัฒนาที่แตกต่างกันออกไป ด้วยกลุ่มลูกค้าที่มีความแตกต่าง มีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีรถคันไหนที่ดีหรือไม่ดี เพียงแต่คุณเป็นกลุ่มลูกค้าที่แท้จริงของเขาหรือเปล่า อันนี้คงต้องถามใจตัวเองให้ดีเวลาที่จะเลือกเป็นเจ้าของรถสักคัน
2019 Mitsubishi Attrage แน่นอนว่าการพัฒนาอีโคคาร์ เฟสสอง ด้วยการหยิบรถที่ทำตลาดอยู่มาทำการเพิ่มอุปกรณ์เข้าไปมากมาย อาจจะทำให้หลายคนคิดว่ามันไม่น่าใช้งาน แต่จริง ๆ แล้ว ความกว้างขวางของห้องโดยสารและความนุ่มนวลในการใช้งานก็ยังเป็นจุดขายที่ดีในการเป็นเจ้าของรถยนต์รุ่นนี้อยู่เหมือนเดิม
ถ้าคุณเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้ต้องการความรวดเร็วเร่งรีบตลอดเวลา แต่ต้องการรถยนต์ธรรมดาที่ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี มีเครื่องยนต์ที่พอเหมาะพอสม ดูแลรักษาง่ายและมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงไม่แพง ใช้งานในเมืองได้ดี หรือถ้าออกไปไกล ๆ ก็ไม่ต้องเร่งร้อน ขับไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ถึง
ด้วยค่าตัว 6.24 แสนบาท แลกกับ 2019 Mitsubishi Attrage (มิตซูบิชิ แอททราจ) ก็ถือว่าคุ้มค่าเหมือนกัน