- ค่ายรถปรับตัวทั้งขึ้นราคา-ตัดออพชั่น
- มีหลายรุ่นยกเลิกการจองในช่วงนี้ไปเลย
- สองล้อก็กระทบไม่โตตามความเป็นจริง
การขาดแคลนชิปเซมิคอนดัคเตอร์สำหรับการผลิต ที่เริ่มขึ้นมาในช่วงกลางปี 2564 ที่ผ่านมา กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการผลิต การเปิดตัวรถรุ่นใหม่ รวมถึงการส่งมอบที่เริ่มหนักขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากปัญหาการขาดแคลนชิปเซตแล้ว ต้องบอกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์สำหรับการขนส่ง และล่าสุดก็คือสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ไม่จบสิ้น
ค่ายรถยนต์หลาย ๆ ค่ายเริ่มเดินหน้าปรับตัวกันไปแล้วในตลาดโลก และในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ค่ายรถยนต์หลายค่ายในประเทศไทยก็มีการขยับตัวเช่นเดียวกัน ทั้งการจัดการเรื่องราคาที่มีทั้งการลดต้นทุน-การเพิ่มราคาขาย รวมถึงการผลิตที่อาจจะทำให้ส่งมอบรถยนต์ให้ลูกค้าได้ไม่เต็มที่
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
สถานการณ์นี้น่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีนี้แน่นอน...
คาดตลาดรถยนต์สะดุดไม่ถึงเป้าหมาย 8.6 แสนคัน
แม้จะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากค่ายรถรายใด แต่ดูจากกระแสปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้แล้ว มีคำถามแล้วว่าเป้าหมายที่มีการประเมินว่าจะมียอดจำหน่ายในประเทศ 8.6 แสนคันนั้นจะทำได้หรือไม่ เพราะค่ายรถทั้งรายเล็กรายใหญ่ต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ซึ่งก็อาจจะส่งผลกระทบไปถึงเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยที่วางเอาไว้ที่ 1.8 ล้านคันด้วยเช่นกัน ซึ่งหากดูจากยอดการผลิตและยอดการจำหน่ายในไตรมาสแรก แม้จะเติบโตก็ยังไม่สามารถทำได้ตามระดับที่วางเอาไว้ จึงต้องจับตาดูว่า ในการประเมินตลาดอีกครั้งในช่วงต้นครึ่งปีหลัง ค่ายรถแต่ละรายจะยังยึดตัวเลขเดิมต่อไปหรือไม่
ค่ายรถตัดออพชั่น-ปรับราคาสู้สถานการณ์ชิปขาด
ก่อนหน้านี้ มีผู้ผลิตรถยนต์หลายรายเริ่มแก้ปัญหาด้วยการตัดออพชั่นบางอย่างออกไปเพื่อให้สามารถผลิตรถยนต์ออกมาจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่อง เช่น Volvo (วอลโว่) ได้มีการตัดชุดไฟหน้าแบบพิกเซลออกไปจากรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Volvo XC40 (วอลโว่ เอ็กซ์ซี40) พร้อมประกาศราคาใหม่ที่ลดลงไปจากเดิม รวมถึงมีรายงานว่า ค่ายรถยนต์หลายแห่งได้ทำการปรับราคาจำหน่ายให้เหมาะสมกับออพชั่นที่หายไปกันในช่วงงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งค่ายที่ประกาศอย่างเป็นทางการและแอบปรับเงียบ ๆ โดยไม่ได้แจ้งให้ลูกค้าทราบ
ค่ายรถหลายรายปรับราคารถรับวัตถุดิบ
อย่างไรก็ตาม ค่ายรถยนต์หลายรายก็ออกมาประกาศปรับราคาจำหน่ายรถยนต์กันอย่างทันที เพื่อให้สมกับต้นทุนในการผลิตที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Suzuki (ซูซูกิ) ที่ออกมาประกาศก่อนเพื่อนว่าจะปรับราคาจำหน่ายรถยนต์ขึ้น 3,000 - 2 หมื่นบาทแล้วแต่ละรุ่น ขณะที่ BMW (บีเอ็มดับเบิลยู) ก็ทำการปรับราคาจำหน่ายขึ้่นในหลายรุ่นตั้งแต่ 1.5-2% หรือคิดเป็นราคาที่ปรับขึ้นมา 5 หมื่น - 2 แสนบาท ขณะที่กลุ่มรถยนต์นำเข้าของหลายค่ายก็ได้รับผลกระทบปรับราคากันมากกว่าครึ่งล้านบาทก็มีเช่นกัน ซึ่งแน่นนอนว่าค่ายรถรายอื่น ๆ ก็น่าจะรอปรับราคาจำหน่ายให้สอดคล้องกับต้นทุนเช่นกัน
เลิกทำตลาด-ยกเลิกรับจอง มีกันครบทุกรูปแบบ
นอกจากนี้ การขาดแคลนชิปเซตนั้นยังส่งผลถึงซัพพลายของรถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าที่ปรับราคาลงไปตามนโยบายของภาครัฐก่อนหน้านี้ ก็ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก จน ORA Good Cat (ออร่า กู๊ดแคท) ต้องหยุดรับจองไปก่อนหน้านี้ แม้จะยังไม่ได้ประกาศปรับราคาจำหน่ายตามโครงสร้างภาษีนำเข้าใหม่ด้วยซ้ำ ตามมาด้วย MG EP (เอ็มจี อีพี) ที่หยุดรับจองไปเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ รถเล็กอย่าง ORA Black Cat (ออร่า แบล็กแคท) ที่เป็นข่าวมานานก็หยุดแผนการทำตลาดในประเทศไทยพร้อมกัน ทำให้ต้องจับตาแบรนด์ใหม่ ๆ เช่น Hozon (ฮอซอน) ว่าจะประสบปัญหาเดียวกันด้วยหรือไม่
มอเตอร์ไซค์ก็กระทบยอดขายไม่โตตามที่ควร
สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ที่มีการใส่อุปกรณ์ไฮเทคเข้าไปในรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กกันมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แม้ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกจะเติบโตที่ระดับ 3% หรือมียอดจำหน่ายราว 5 แสนคัน แต่ก็เป็นตัวเลขที่เติบโตน้อยกว่าความเป็นจริง เนื่องจาก ผู้ประกอบการเกือบทุกรายต่างประสบปัญหาในเรื่องการส่งมอบรถจักรยานยนต์กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโมเดลที่ผลิตในประเทศหรือนำเข้าแบบสำเร็จรูป ซึ่งมีการประเมินว่า หากไม่มีปัญหาดังกล่าว ตลาดรถจักรยานยนต์น่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 5-8% ในช่วงที่ผ่านมา และต้องดูว่าถึงสิ้นปีนี้สถานการณ์จะเป็นอย่างไร
แนวโน้มยังไม่ดีขึ้น สถานการณ์ลากยาวถึงสิ้นปี
ยังไม่มีการวิเคราะห์ใดใดที่ระบุว่าสถานการณ์การขาดแคลนชิปเซตจะดีขึ้น ส่วนใหญ่ประเมินว่าสถานการณ์อาจจะลากยาวไปถึงปี 2566 เป็นอย่างต่ำทั้งสิ้น ทำให้คาดการณ์ว่า การปรับราคาจำหน่าย การตัดออพชั่นรถที่จำหน่าย รวมถึงการส่งมอบรถยนต์ที่อาจจะช้าลงไปจากเดิม เหมือนที่ Honda (ฮอนด้า) และ Nissan (นิสสัน) เคยออกมาประกาศผ่านเวบไซต์เพื่อขออภัยลูกค้าไปก่อนหน้านี้ ก็คาดว่าจะเป็นปัญหาประจำถิ่นที่ค่ายรถทุกรายน่าจะโดนกันถ้วนหน้า และต้องมาดูว่า แต่ละรายจะมีความพร้อมในการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ยานยนต์กันเพียงใด และจะส่งผลกับอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้หรือไม่
รอดูประมาณการณ์ยอดขายช่วงกลางปีนี้ก็น่าจะเห็นภาพที่ชัดขึ้นแล้ว!!!
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });