Mazda มุ่งสู่มลพิษเป็นศูนย์ แต่ยืนยันเครื่องยนต์สันดาปสำคัญเท่าไฟฟ้า

KS
KS · 2022-07-03 16:17:08

Mazda (มาสด้า) ประกาศเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่าจะพัฒนาโรงงานผลิตรถยนต์ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศให้ปราศจากมลพิษคาร์บอนภายในปี 2035

ภารกิจดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานใหญ่ที่มุ่งลดปริมาณมลพิษจากการผลิตรถยนต์ลงอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดคือการสร้างซัพพลายเชนด้ายานยนต์ที่มีคาร์บอนเป็นกลางหรือเทียบเท่ากับศูนย์ภายในปี 2050

ค่ายรถจากเมืองฮิโรชิมาระบุด้วยว่าการสร้างซัพพลายเชนที่ปลอดมลพิษตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน เชื้อเพลิงชีวภาพ และการประหยัดพลังงานในกระบวนการผลิต ซึ่งหมายความว่าต้องขอความร่วมมือกับบริษัทหุ้นส่วนซัพพลายเออร์ทั้งหมดด้วย

ยังให้ความสำคัญกับรถเครื่องยนต์สันดาป

ฮิโรชิ คิโนชิตะ รองประธานฝ่ายควบคุมมลพิษคาร์บอนของ Mazda กล่าวว่า บริษัทฯ กำลังสร้างแผนแม่บทร่วมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจเพื่อลดปริมาณคาร์บอนลงอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีเป้าหมายสูงสุดที่การลดมลพิษจนเหลือศูนย์ แต่ Mazda ยืนยันว่ายังมีความจำเป็นที่จะพัฒนาและผลิตรถเครื่องยนต์สันดาปที่มีมลพิษต่ำต่อไปเคียงข้างกับการส่งเสริมการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่มีมลพิษเป็นศูนย์

Mazda วางเป้าหมายเพิ่มยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ถึง 1 ใน 4 ของยอดขายทั้งหมดภายในปี 2030 พร้อมกับพยายามลดมลพิษในซัพพลายเชน และตระหนักดีว่าประเทศญี่ปุ่นผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างน้ำมันปีโตรเลียม

ค่ายรถจากแดนอาทิตย์อุทัยประกาศ “3 เสาหลัก” ในการลดปริมาณคาร์บอนที่โรงงานผลิตรถยนต์ทั่วโลก รวมถึงเมืองไทย เริ่มจากเสาหลักอันดับที่ 1 คือการอนุรักษ์พลังงานด้วยการลดอุณหภูมิและย่นระยะเวลาการทำความร้อนในกระบวนการพ่นสีรถยนต์

เสาหลักที่ 2 คือการผลิตกระแสไฟฟ้าในโรงงานด้วยพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานสะอาด ส่วนเสาหลักที่ 3 คือการขยายการใช้งานเชื้อเพลิงชีวภาพในยานพาหนะที่ใช้เพื่อการเดินทางขนส่งภายในศูนย์การผลิต

ก่อนหน้านี้ Mazda เรียกเสียงฮือฮาด้วยการเปิดตัว CX-60 รุ่นใหม่ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปบล็อก 6 สูบแถวเรียงที่มีทั้งเบนซิน 3.0 ลิตร และดีเซล 3.3 ลิตรให้ลูกค้าเลือกสรร สวนทางกับค่ายรถรายอื่นที่ลดขนาดเครื่องยนต์หรือหันไปมุ่งเน้นระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเต็มตัว

Mazda มองว่าการทำตลาดรถเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งรวมถึงระบบปลั๊กอินไฮบริดยังมีความสำคัญเนื่องจากสถานการณ์ในแต่ละตลาดแตกต่างกันไป และยังมีอีกหลายประเทศที่ยังไม่พร้อมใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100%

KS

KS นักเขียนอาวุโส

อดีตนักข่าว เอเจนซี่ และฟรีแลนซ์ฝีมือเยี่ยม ที่นำประสบการณ์ร่วม 20 ปีมาถ่ายทอดคอนเทนท์และประเด็นข่าวในวงการยานยนต์ทั้งไทยและเทศในรูปแบบที่สดใหม่และแตกต่าง

Toyota
Honda
Nissan
Mitsubishi
Mazda
Suzuki
Isuzu
Ford
Mercedes-Benz
BMW
Aston Martin
Audi