เผยมูลค่า “Super Mercedes” ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หลังเปลี่ยนมือเจ้าของล่าสุด

ไคลฟ์ พาลเมอร์ นักธุรกิจและนักการเมืองชื่อดังของประเทศออสเตรเลีย กลายเป็นบุคคลล่าสุดที่ได้ครอบครองรถเปิดประทุนคันงามที่เคยเป็นของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ 

สำนักข่าว The Courier Mail ในแดนจิงโจ้รายงานว่า พาลเมอร์ ติดต่อขอซื้อรถเปิดประทุนอภิมหาแห่งความคลาสสิคที่เคยเป็นของอดีตผู้นำพรรคนาซีเยอรมนีอย่าง Mercedes-Benz 770 Grosser Offener Tourenwagen หรือมีสมญานามว่า “Super Mercedes” จากมหาเศรษฐีชาวรัสเซียที่ไม่เปิดเผยนาม

รายงานข่าวดังกล่าวถูกพูดถึงอย่างมากในออสเตรเลีย เนื่องจากพาลเมอร์เป็นนักการเมืองฝ่ายขวาที่ต่อต้านการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แต่ล่าสุดเขาต้องเข้ารับการรักษาตัวจากอาการปอดบวม ซึ่งอาจเป็นผลข้างเคียงจากการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว

ยานพาหนะที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสร์

Mercedes-Benz 770 Grosser Offener Tourenwagen เป็นรถเปิดประทุนกันกระสุนที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1939 ช่วงเวลาที่ฮิตเลอร์เรืองอำนาจสูงสุด ก่อนที่เขาจะสั่งการให้กองทัพบุกโจมตีประเทศโปแลนด์ในวันที่ 1 กันยายนปีเดียวกัน อันเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลก ครั้งที่ 2

ฮิตเลอร์ใช้รถเปิดประทุนสุดงามคันนี้เป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี เขาเคยใช้รถคันนี้ต้อนรับจอมเผด็จการ เบนิโต มุสโสลินี อดีตผู้นำประเทศอิตาลีระหว่างการต้อนรับเยือนกรุงเบอร์ลินในปี 1940

เมื่อถึงปลายปี 1940 “ฟือห์เรอร์” หรือท่านผู้นำก็ได้นั่งอยู่บนเบาะหลังรถคันนี้ในขบวนที่โลดแล่นบนถนนช็องเซลีเซ ในการเฉลิมฉลองการยึดครองกรุงปารีสของฝรั่งเศส ก่อนที่รถคันนี้จะปรากฎตัวอีกครั้งสามารถบุกยึดครองยูโกสลาเวียและกรีซได้สำเร็จ

ขุมพลังขับเคลื่อนของ 770 Grosser Offener Tourenwagen เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ ขนาด 8.0 ลิตร พละกำลัง 238 แรงม้า แรงบิด 390 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม.ต่อชม. ภายใน 23 วินาทีซึ่งค่อนข้างช้าตามมาตรฐานปัจจุบัน แต่สามารถทำท็อปสปีดได้ที่ 190 กม.ต่อชม.

อัตราเร่งที่ค่อนข้างช้ามาจากการที่ตัวรถถูกผนึกด้วยแผ่นเหล็กกันกระสุนรอบคันจึงมีน้ำหนักมาก รถคันนี้ขึ้นสายการผลิตที่โรงงานซินเดลฟิงเกนในเยอรมนี ซึ่งปัจจุบันเป็นโรงงานผลิต Mercedes-Benz S-Class

หลังจากฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายในปี 1945 ตัวรถตกเป็นของทอม ออสติน ผู้ค้ายาสูบชาวอเมริกันที่ทำการส่งรถลงเรือไปยังสหรัฐอเมริกา ก่อนที่ตัวรถจะถูกเปลี่ยนมือเจ้าของอย่างน้อย 4 ครั้ง

การประมูลแย่งสิทธิการเป็นเจ้าของรถคันนี้ครั้งล่าสุดมีขึ้นในปี 2018 ซึ่งตัวเลขหลังเคาะครั้งสุดท้ายสูงถึง 7 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเกือบ 230 ล้านบาทเลยทีเดียว

ไม่มีรายงานว่าพาลเมอร์ควักกระเป๋าจ่ายไปเท่าไหร่ แต่รถคลาสสิกที่มีประวัติน่าสนใจอย่างยิ่งคันนี้ ยิ่งเวลาผ่านไป มูลค่าย่อมเพิ่มสูงขึ้น จึงคาดว่าตัวเลขอาจขึ้นไปถึง 300 ล้านบาทก็เป็นได้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของนักการเมืองผู้นี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักสะสมรถคลาสสิกตัวยง