Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส-เบนซ์) ประกาศแผนผลิตรถไฟฟ้าในตระกูล EQ (อีคิว) มากถึง 8 รุ่นภายในปี 2565 ในโรงงาน 7 แห่งที่ตั้งอยู่ใน 3 ทวีปทั่วโลก พร้อมการพัฒนาโครงข่ายการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่เข้มแข็ง แต่ยังไร้เงาประเทศไทยเป็นฐานผลิตตามคาด
มาร์คัส ชาร์เฟอร์ กรรมการบริการของเดมเลอร์ เอจีและเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี บอกว่ากลยุทธ์ Electric First ของบริษัทจะรวมถึงการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่องและการลงทุนมหาศาลสำหรับการเปลี่ยนแปลงอนาคต ด้วยรถหลากหลายรูปแบบภายใต้แบรนด์อีคิว
"รถยนต์ในพอร์ตโฟลิโอของเราจะกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รวมไปถึงเครือข่ายฐานการผลิตทั้งรถยนต์และแบตเตอรี่ เรามีความตั้งใจที่จะเป็นผู้นำในการเคลื่อนที่ด้วยไฟฟ้าและเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ ด้วยแผนงานมากมายที่เราเตรียมการเอาไว้สำหรับโครงการเหล่านี้"
ผลิตรถในเยอรมนี-ฮังการี-จีนและสหรัฐอเมริกา
การประกาศแผนงานในครั้งนี้ พวกเขาได้เปิดเผยรายละเอียดของรถรุ่นต่าง ๆ ที่จะเปิดตัว รวมไปถึงฐานการผลิตที่จะรับผิดชอบสำหรับการผลิต โดยรุ่นแรกที่จะทำการเปิดตัวก็คือ Mercerdes-Benz EQS (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอส) รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหญ่ของค่ายที่จะผลิตที่แฟคตอรี่ 56 ในโรงงานซินเดลฟิงเกน ประเทศเยอรมนี ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564
รถยนต์เอสยูวีขนาดเล็กอย่าง Mercedes-Benz EQA (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวเอ) และ Mercedes-Benz EQB (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวบี) ก็จะเปิดสายการผลิตในปีหน้าเช่นกัน โดยโรงงงานราสตัตท์ ในประเทศเยอรมนีจะทำการผลิตรุ่นแรก ส่วนรุ่นหลังจะเป็นหน้าที่ของโรงงานเคซเคอเมตในประเทศฮังการี ขณะที่โรงงานปักกิ่ง ประเทศจีน จะได้ผลิตทั้ง 2 รุ่นพร้อมกัน
โรงงานที่เบรเมน ประเทศเยอรมนี จะเปิดสายการผลิตรถที่สำคัญอีกรุ่นของแบรนด์ก็คือ Mercedes-Benz EQE (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวอี) ที่จะตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าธุรกิจโดยเฉพาะ โดยจะเริ่มทำการผลิตรถรุ่นนี้ในปี 2564 และแน่นอนว่าโรงงานในประเทศจีนก็จะเป็นฐานการผลิตรถรุ่นนี้เช่นกัน แต่จะเปิดสายการผลิตช้ากว่ากันสักเล็กน้อย
ขณะที่โรงงานทัสคาลูซ่า ในประเทศสหรัฐอเมริกา จะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญสำหรับเอสยูวีพลังงานไฟฟ้า ที่พัฒนาบนพื้นฐานของอีคิวเอสและอีคิวอี โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังอยู่ระหว่างการพัฒนารถทั้ง 2 รุ่นอยู่ หลังเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้าทรงเอสยูวีอย่าง Mercedes-Benz EQC (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิวซี) ไปเป็นรุ่นแรกและได้รับการตอบรับมากพอสมควร
ทั้งนี้ หากดูจากสายการผลิตทั้ง 7 โรงงานใน 3 ทวีปที่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์วางเอาไว้ ก็เป็นการเลือกโรงงานให้เหมาะกับสินค้าที่เน้นการทำตลาด และยังมีความสามารถในการส่งสินค้าสลับกันไปมาได้ในอนาคต เนื่องจากเกือบทั้งหมดเป็นประเทศที่ไม่มีข้อจำกัดด้านการนำเข้ารถยนต์อยู่แล้ว ทำให้ใช้โรงงานเพียงไม่มากก็สามารถรองรับความต้องการได้ทั่วโลก
ฐานการผลิตแบตเตอรี่ แรงสนับสนุนที่แข็งแกร่ง
ไม่ใช่แค่รถรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในอนาคต แต่ค่ายตราดาวนั้นมีการเปิดตัวรถกลุ่มไฟฟ้า 100% มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น อีคิวซีเอง หรือแม้แต่รถตู้ไฟฟ้าอย่าง Mercedes-Benz EQV (เมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคิววี) โดยรุ่นแรกนั้นใช้ฐานการผลิตหลักที่เบรเมน ขณะที่ตัวรถตู้นั้น ทำการผลิตอยู่ที่โรงงานวิตอเรีย ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสเปนเป็นที่ผลิตอยู่ในขณะนี้
เมอร์เซเดส-เบนซ์ระบุว่าการพัฒนารถยนต์พลังงานทางเลือกอย่างปลั๊กอินไฮบริดเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จของยานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน ที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการพัฒนาโครงข่ายการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ของค่าย ที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วโลกและสามารถผลักดันให้การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าหลายรูปแบบนั้น สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง
ค่ายรถยนต์ตราดาวนั้นมีฐานการผลิตแบตเตอรี่อยู่ครบทั้ง 3 ภูมิภาคเช่นเดียวกับสายการผลิตรถยนต์ โดยโรงงาน 2 แห่งที่คาเมนซ์ ประเทศเยอรมนี ได้ทำการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ลูกครึ่งมาตั้งแต่ปี 2555 และเริ่มผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งทำให้ตัวเลขสะสมของการผลิตแบตเตอรี่ที่โรงงานแห่งนี้มีมากกว่า 1 ล้านชุดเข้าไปแล้ว
โรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศจีนที่ตั้งอยู่ที่ปักกิ่ง เป็นผลงานความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง BAIC ได้เริ่มสายการผลิตในปีที่ผ่านมา และโรงงานที่จาวอร์ ปรเะเทศโปแลนด์ ก็จะเริ่มต้นการผลิตแบตเตอรี่สำหรับไฮบริดแบบเสียบปลั๊กในปีนี้ และรถยนต์ไฟฟ้าจะตามมาในอนาคต รวมถึงการพัฒนาโรงงานในอันเทอเติร์กไฮม์ในเยอรมนีอีก 2 โรงให้ผลิตได้เช่นกัน
การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกา จะใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตที่ทัสคาลูซ่าเช่นเดียวกัน และพวกเขาก็คาดว่าจะขยายสายการผลิตเพิ่มที่ซินเดลฟินเกนเพิ่มเติม ขณะที่โรงงานที่เป็นความร่วมมือกับธนบุรีประกอบรถยนต์ ในประเทศไทย ก็เริ่มที่จะผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่จำหน่ายในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2563 และเตรียมขยายต่อไปในอนาคต
ทำไมไม่มีประเทศไทยในแผนงานที่ประกาศออกมา
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย นั้น เป็นหนึ่งในบริษัทที่ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในโครงการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่รวมไปถึงโครงการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ โดยพวกเขาเคยวางแผนจะนำเข้าอีคิวซีเข้ามาทำการทดลองตลาด แต่ดูเหมือนจะเจรจากับรัฐบาลล้มเหลว เลยล้มเลิกไปเสียก่อน
การประกาศแผนการผลิตภายใน 1-2 ปีที่ไม่มีประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่สลักสำคัญของค่ายนั้น ก็พอที่จะเข้าใจได้ว่ายังไม่ได้มีการตัดสินใจที่ชัดเจนอะไรลงไปในเรื่องนี้ แม้จะดูขัดใจกับที่ทางผู้บริหารชอบออกมาระบุว่ายังสนใจที่จะเดินหน้าโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง และต้องการพัฒนาให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นฮับยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคตก็ตามที
แต่ไม่ต้องถามเรื่องความพร้อมและศักยภาพของโรงงานให้มากความ เพราะอย่าลืมว่าโรงงานในประเทศไทยขณะนี้เป็นโรงงานรถยนต์หรูเพียงแห่งเดียวที่ทำการผลิตรถยนต์เวอร์ชั่นแรงของค่ายอย่าง Mercedes-AMG (เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี) ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่ดุดันและโดดเด่นไม่แพ้ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า เพียงแต่ว่าเมื่อไหร่จะเดินหน้าก็ต้องมาว่ากันอีกที