MG (เอ็มจี) ผู้นำตลาดเอสยูวีในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีแรก เริ่มแผนการสำหรับการผลักดันตลาดอื่น ๆ โดยเล็งไปที่ตลาดรถปิกอัพขนาด 1 ตัน MG Extender (เอ็มจี เอ็กซ์เทนเดอร์) ที่ยังมียอดจำหน่ายไม่มากนัก โดยเน้นไปที่การพัฒนาและตกแต่งรถยนต์เพื่อให้สามารถปรับใช้กับธุรกิจขนาดย่อยได้อย่างหลากหลาย
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าในงาน BIG Motor Sale นั้น เอ็มจีได้จัดแสดงศักยภาพของรถกระบะ MG EXTENDER ที่สามารถดัดแปลงเป็นรถสำหรับค้าขายหรือขายของเคลื่อนที่เพื่อช่วยสร้างรายได้ ด้วยการนำรุ่น Giant Cab หรือรุ่นตอนครึ่งมาดัดแปลง
“เอ็มจี เปิดตัวเอ็กซ์เทนเดอร์ด้วยมิติตัวถังขนาดใหญ่ มีความจุมากที่สุดในรุ่นตอนครึ่ง ห้องโดยสารที่กว้างขวาง พร้อมเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอลเรล เทอร์โบ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ติดตั้งระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยครั้งแรกของโลกในรถกระบะ พร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบครัน"
สร้างจุดขายใหม่เพิ่มทางเลือกผู้บริโภค
สำหรับแผนการจัดแสดงรถรุ่นดัดแปลงสำหรับการค้าขายในปีนี้ พงษ์ศักดิ์ระบุว่า เอ็มจีต้องการที่จะสร้างจุดเด่นให้กับตัวรถเพิ่มเติม จากเดิมที่ตัวรถมีจุดขายหลักในเรื่องของรูปลักษณ์ สมรรถนะและเทคโนโลยีเป็นหลัก ก็มีการนำมาปรับเพื่อให้สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ได้เพิ่มเติม เพื่อให้สามารถใช้งานรถคันนี้ได้อย่างครบครัน
ทั้งนี้ สาเหตุที่เลือกปรับเป็นรถสำหรับขายของเนื่องจากมองว่าเป็นการสร้างความน่าสนใจให้กับตัวรถ ให้ผู้บริโภคมองออกว่ารถกระบะคันใหญ่นั้นสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งหากลูกค้ามีความต้องการ ก็สามารถติดต่อมาที่โชว์รูมของเอ็มจี ที่สามารถแนะนำรูปแบบและมีบริษัทพันธมิตรอย่าง Carry Boy ที่พร้อมดำเนินการให้
"เราพยายามทำให้รถมีความน่าสนใจและมีความชัดเจนว่าลูกค้าซื้อไปแล้วเอาไปทำอะไรได้บ้าง ซึ่งรถที่นำมาโชว์นั้น ค่าตกแต่งดัดแปลงเพิ่มขึ้นไปเพียงแสนกว่าบาท ก็พร้อมนำไปใช้ทำมาหากินได้ ซึ่งเราอยากให้เห็นจุดเด่นว่ารถไจแอนท์ แค็บ สามารถทำอะไรได้หลากหลาย ซึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ที่เรายังไม่ได้ประเมินตลาดอย่างชัดเจน"
มั่นใจหลังยอด 7 เดือนหดตัวต่ำกว่าตลาดรวม
ในส่วนของผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 นั้น อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายรวมที่หดตัวลงไปประมาณ 35% แม้ตลาดรถยนต์โดยรวมจะลดลง แต่บริษัทผู้ผลิตและธุรกิจที่เกี่ยวข้องยังคงมุ่งมั่นและตั้งใจในการนำพาอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เดินหน้าต่อไป โดยเห็นได้จากแผนงานต่าง ๆ ที่หลากหลาย
ขณะที่เอ็มจีก็ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้และหามาตรการต่าง ๆ เข้ามาช่วยเหลือทั้งลูกค้าและผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา เอ็มจีมียอดขายรถรวมอยู่ที่ 13,214 คัน หดตัวเพียง 12% น้อยกว่าตลาดรวม แบ่งเป็นยอดขายกลุ่มรถเอสยูวีจำนวน 8,440 คัน เป็นผู้นำในเซกเมนต์ กลุ่มรถยนต์นั่ง 2,533 คัน และกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ 2,241 คัน
ในส่วนของตลาดรวมในปีนี้ คาดการณ์ว่าตลาดยังไม่มีคามชัดเจน ทำให้เชื่อว่าน่าจะหดตัว 30-40% หรือมียอดจำหน่ายระดับ 6-7 แสนคัน ซึ่งปัจจัยสำคัญยังคงเป็นเรื่องของโควิด-19 ที่หากไม่เกิดการแพร่ระบาดรอบสองก็จะเป็นปัจจัยบวก แต่หากเกิดขึ้นจริง ก็เป็นเรื่องที่มีการคาดการณ์กันเอาไว้แล้ว คาดการณ์ว่าตลาดจะไม่หดตัวไปมากกว่าที่ประเมิน
"จริง ๆ ปีนี้ถือว่าตลาดมมีความแกว่งค่อนข้างมาก ตามปกติเดือนกรกฎาคมตลาดต้องหดตัวก็ไม่หด ตอนนี้ต้องมาดูสถานการณ์ในช่วงที่เหลือ โดยเฉพาะไตรมาส 4 ของปีนี้ ว่าจะเป็นอย่างไร หากทำได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากยังมีแนวโน้มหดตัวต่อเนื่อง ภาพรวมของตลาดก็จะตกลงไปมากกว่าปกติเท่านั้น"
สำหรับปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบ โดยเฉพาะหนี้เสียจากภาวะเศรษฐกิจไม่ดีนั้น คาดว่าจะตามมาแน่นอน โดยเฉพาะผลกระทบเศรษฐกิจในครั้งนี้ส่งผลในวงกว้าง ที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการหารายได้เข้ามา และการจ้างงานที่ชะงักงันลงไป ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์และผลกระทบอย่างใกล้ชิดในอนาคต