ผู้ผลิตรถยนต์ต่างเข้าสู่สนามของการพัฒนาระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) กันอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้กับรถของตนให้มากที่สุด จากงานวิจัยของสถาบันประกันภัยเพื่อความปลอดภัยบนทางหลวงสหรัฐฯ (IIHS) ต้องการศึกษาถึงสิ่งที่บริโภคต้องการจริง ๆ ว่าตรงกับที่ค่ายรถพยายามใส่มาให้หรือเปล่านะ?
การสำรวจพบว่าผู้คนส่วนใหญ่จะยังไม่ยอมรับระบบ ADAS หลังจากการสำรวจผู้ขับขี่กว่า 1,000 คนกับระบบช่วยเหลือการขับขี่สามรูปแบบ (ได้แก่ ระบบช่วยให้อยู่กลางเลน, ระบบช่วยเปลี่ยนเลน และระบบตรวจสถานะผู้ขับขี่) ทำให้ IIHS พบว่าผู้บริโภคชอบระบบที่พวกเขาควบคุมได้มากกว่าเพราะรู้สึกว่าปลอดภัยมากกว่า
- ต้องการให้ช่วย แต่ไม่ควบคุมทั้งหมด
- ผู้ขับขี่ต้องการให้มีระบบที่ตรวจสอบสถานะของพวกเขา
- คนที่ชอบเทคโนโลยีนี้บางคนมีแนวโน้มที่จะใช้ในทางที่ผิด
- ผู้ผลิตรถอาจมาผิดทาง?
ต้องการให้ช่วย แต่ไม่ควบคุมทั้งหมด
แม้ว่าผู้บริโภคจะสนใจในระบบ ADAS เป็นอย่างมาก แต่พวกเขาก็เริ่มสงสัยมากขึ้นเมื่อเทคโนโลยีจะไม่ต้องใช้ความร่วมมือจากมนุษย์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ Alexandra Mueller ผู้ออกแบบการศึกษานี้พบว่า ผู้ขับขี่ยังต้องการแนวคิดของระบบที่ยังต้องการให้พวกเขายังมีส่วนร่วม และต้องการระบบที่ไม่ต้องควบคุมพวกเขามากนัก
ในกรณีของระบบช่วยให้อยู่กลางเลนและระบบที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนเลน ผู้ขับขี่กล่าวว่าพวกเขาต้องการเวอร์ชั่นที่มีระบบช่วยแต่ยังจับพวงมาลัยไว้มากกว่าโดยระบบไม่ได้เข้าควบคุมทั้งหมดของการเลี้ยว
ส่วนกรณีของระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในระบบที่เปลี่ยนเลนให้โดยไม่ต้องอาศัยมนุษย์ โดยผู้ขับขี่ที่ต้องการเปลี่ยนเลนเองมีถึง 45% แต่ที่ต้องการให้ระบเปลี่ยนให้มีเพียง 14%
ผู้ขับขี่ต้องการให้มีบางอย่างที่ตรวจสอบสถานะของพวกเขา
ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ในงานวิจัยกล่าวว่าพวกเขารู้สึกสบายใจเกี่ยวกับเซนเซอร์ตรวจการจับพวงมาลัย (70%), กล้องที่ตรวจจับมือของผู้ขับขี่ (เกือบ 60%) และกล้องที่ตรวจสอบผู้ขับขี่จากใบหน้า (57%)
“ผู้ขับขี่ที่รู้สึกสบายที่สุดกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ทุกรูปแบบ มักจะกล่าวว่าพวกเขารูสึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่อรู้ว่ารถคันนั้นมีระบบตรวจสอบสถานะพวกเขาอยู่ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาใช้ระบบนี้อย่างเหมาะสม” Mueller กล่าว
“สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการสื่อสารในเหตุผลด้านความปลอดภัยอย่างการตรวจสอบผู้ขับขี่อาจช่วยบรรเทาความกังวลของผู้บริโภคเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวหรือความกังวลอื่น ๆ”
อ่านเพิ่มเติม : เจาะดีเทล Mercedes-Benz Drive Pilot ระบบขับขี่อัตโนมัติของค่ายดาวสามแฉก
คนที่ชอบเทคโนโลยีนี้บางคนมีแนวโน้มที่จะใช้ในทางที่ผิด
นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ขับขี่หลายคนคิดว่า การขับขี่โดยไม่ต้องจับพวงมาลัยจะทำให้เกิดความเครียดมากกว่าระบบช่วยเหลือที่ยังต้องใช้มือจับพวงมาลัยอยู่ ซึ่งน่าจะขัดกับผู้ที่ออกแบบเทคโนโลยีเหล่านี้ออกมา
แต่ก็มีผู้ขับขี่บางคนที่สนใจเทคโนโลยีที่ไม่ต้องจับพวงมาลัยด้วย แต่การศึกษาพบว่าผู้ขับขี่ในกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะใช้ระบบในทางที่ผิดมากที่สุด พวกเขาดูเหมือนมีแนวโน้มที่จะบอกว่าระบบช่วยเหลือการขับขี่เหล่านี้จะทำให้พวกเขาสามารถทำอย่างอื่นได้ในขณะการขับขี่ โดยให้เน้นที่ความไม่เข้าใจว่าระบบเหล่านี้จะช่วยเหลือเราแค่บางส่วนเท่านั้น
อ่านเพิ่มเติม : วิจัยชี้ ระบบ Adaptive Cruise Control ควรมีความรู้ก่อนใช้ เพราะส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด
ผู้ผลิตรถอาจมาผิดทาง?
IIHS ยังพบว่า ผู้บริโภคที่ยังสงสัยเกี่ยวกับระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับสูงนั้นมีความเชื่อมั่นมากกว่าคนที่มีความสนใจเกี่ยวกับระบบที่ไม่ต้องใช้มือ (hands-free) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแนวทางแบบอนุรักษ์นิยมน่าจะเป็นอะไรที่ดีที่สุดสำหรับผู้ผลิตรถยนต์
“มันอาจจะเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสำหรับบางคน แต่ดูเหมือนว่าคุณสมบัติช่วยเหลือการขับขี่อัตโนมัติบางอย่างที่ต้องอาศัยมือผู้ขับขี่คอยควบคุมพวงมาลัยนั้นดูเหมือนว่าจะเหมาะกับผู้ขับขี่มากกว่าแบบที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องควบคุมอะไรเลย” Mueller กล่าวปิดท้าย
อ่านเพิ่มเติม : อเมริการับรองรถอัตโนมัติแบบไม่มีที่ควบคุมด้วยมนุษย์แล้ว แต่ย้ำต้องปลอดภัยเท่ามนุษย์ขับ