Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) ยัคงเป็นรถ PPV ที่ขายดีอันดับ 1 ในประเทศไทยมาตลอดหลายปี ด้วยความใหญ่โต ทนทาน และความแรง 

แต่ก็ยังมีลูกค้าหลายรายที่บ่นว่าบางรุ่นยังคงมีออพชั่นที่ให้มาน้อย Toyota (โตโยต้า) จึงจัดให้กับรุ่นใหม่ Toyota Fortuner Leader ที่มาพร้อมกับฟังก์ชั่นใหม่มากมาย

และยังเพิ่มออพชั่นให้กับ Legender อีกด้วย

ปรับหน้าพี่ใหญ่

สำหรับในรุ่น 2.4 ตัวเดิมนั้น ได้มีการเพิ่มชื่อ Leader เข้าไปทั้งในรุ่น G, V และ V 4WD พร้อมกับได้มีการเปลี่ยนดีไซน์ด้านหน้าใหม่ให้เหมือนกับพี่ใหญ่ Legender ทุกประการ ทั้งกระจังหน้าสีดำแบบ 2 ชั้น และกันชนล่างสีเงิน

นอกจากนี้ด้านข้างยังมการเปลี่ยนบันไดข้างเป็นสีดำ เพิ่มคิ้วฝาท้ายสีดำแทนโครเมี่ยมเดิม และยังได้ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วเหมือน Legender อีกด้วย

และได้เปลี่ยนสีขาวเดิม White Pearl Crystal เป็นสีขาวมุก Platinum White Pearl 

อ่านเพิ่มเติม 2023 Toyota Fortuner Hybrid เปิดตัวปีหน้า!

แน่นอนว่าต้องมีการเพิ่มออพชั่นหลาย ๆ อย่างที่ลูกค้าเรียกร้องมาด้วย คือ

• เซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้า – ด้านหลัง
• ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในมุมอับสายตาด้านข้าง Blind Spot Monitor
• ระบบเตือนเมื่อมีรถขณะถอย Rear Cross Traffic Alert
• แผ่นกรองอากาศ PM 2.5

มี 6 สีตัวถังให้เลือกคือ

• สีน้ำเงิน Dark Blue Mica
• สีแดง Emotional Red (เพิ่ม12,000 บาท)
• สีขาวมุก Platinum White Pearl (เพิ่ม 12,000 บาท)
• สีเทา Dark Grey Metallic
• สีดำ Attitude Black Mica
• สีเงิน Silver Metallic

Legender ก็ปรับให้

ในส่วนของรุ่นใหญ่อย่าง Legender นั้นก็ได้มีการเพิ่มออพชั่นมาให้ แต่จะเน้นในรุ่น 2.4 เป็นหลักเช่นกันในด้านความปลอดภัย แต่ไม่ได้มีการปรับรายละเอียดภายนอกมาให้

โดยใน 2.4 Legender ที่จะมีเพิ่มมาให้ คือ 

• ระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในมุมอับสายตาด้านข้าง Blind Spot Monitor
• ระบบเตือนมีรถอยู่ด้านหลังขณะถอย Rear Cross Traffic Alert
• Toyota Safety Sense ประกอบด้วย
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Alert พร้อมระบบช่วยดึงพวงมาลัยกลับ Steering Assist
  • ระบบความปลอดภัยด้านหน้า Pre-Collision System
• ระบบกรองอากาศ PM2.5

ส่วนในรุ่นท็อปสุดทั้ง 2.8 Legender และตัวแต่ง GR Sport ไม่ได้มีการเพิ่มออพชั่นมาให้มากมาย จะมีก็แต่ระบบกรองอากาศ PM2.5 เท่านั้น

เครื่องเดิม

ในส่วนของเครื่องยนต์นั้นจะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนใด ๆ ยังคงเป็น

ดีเซล 2.4 ลิตร 

เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร เทอร์โบ 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เลือกได้ทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ

ดีเซล 2.8 ลิตร 

เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เลือกได้ทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง และขับเคลื่อน 4 ล้อ

สำหรับราคาเหล่านี้ จะเป็นสำหรับสีดำ Black Mica เท่านั้น หากอยากได้สีแดง Emotion Red หรือขาว Platinum White Pearl ก็ต้องเพิ่มอีก 20,000 บาท ทำให้ GR Sport จะมีราคา 1,919,000 บาท เกือบทะลุ 2 บาทแล้ว

เอาใจครื่อง 2.4

ถือได้ว่า การปรับมาในครั้งนี้ เอาใจลูกค้าที่ต้องการประหยัดเงินเพื่อซื้อเครื่อง 2.4 แต่ก็ยังอยากได้ระบบความปลอดภัยครบครัน ซึ่งก็ให้มาอย่างสมน้ำสมเนื้อ กับค่าตัวที่ค่อนข้างแพงกว่าเจ้าอื่นในตลาด