ในปัจจุบัน MG (เอ็มจี) ประเทศไทย ได้มีการวางขายรถยนต์ไฟฟ้าด้วยกัน 3 รุ่น นั่นคือ MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) และ MG EP (เอ็มจี อีพี) ที่มีกระแสตอบรับอย่างดีจากลูกค้าชาวไทยมาตั้งแต่การวางขาย และโมเดลล่าสุดอย่าง NEW MG4 ELECTRIC ที่ติดเทรนด์รถไฟฟ้าที่คนไทยอยากทดลองขับ ด้วยจุดขายการเป็นรถไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งนอกจากดีไซน์การออกแบบ เขายังมีจุดเด่นถึง 5 ข้อด้วยกันที่จะทำให้คนไทยหลงรัก เราจะพาไปดูกัน
ดีไซน์การออกแบบ
ต้องกล่าวว่า MG4 มีเส้นสายตัวถังที่คมชัด ใส่ความสปอร์ต ปราดเปรียวแบบ AVANT-GARDE INDUCTIVE DESIGN ไฟหน้า LED GALAXY TECHNOLOGY MATRIX HEADLIGHTS ทรงเรียว ย้ายไฟเลี้ยวลงมาอยู่มุมกันชนล่าง ไฟท้าย LED ลาย CYGNUS SYMBOL DECORATIVE LIGHT รูปตัว Y เป็นแนวนอนยาวมาบรรจบกัน ตรงกลางบริเวณโลโก้ โคมไฟท้ายยกสันนูนขึ้นมา สปอยเลอร์แบบ TWIN ARROW WING พร้อมดิฟฟิวเซอร์หลังที่เรียบและตั้งชัน ล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่ขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER ทั้งหมดช่วยจัดเรียงอากาศท้ายรถได้ในตัว
NEW MG4 ELECTRIC ประกอบด้วย 2 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น D และรุ่น X โดยมีสีตัวถังให้เลือกถึง 5 สี คือ
-
สีฟ้า (Brighton Blue)
-
สีดำ (Black Knight)
-
สีแดง (Scarlet Red)
-
สีเทา (Andes Grey)
-
สีขาว (Arctic White)
ตกแต่งภายในด้วยสีดำ (Black) ในรุ่น D และสไตล์ทูโทนเทา-ดำ (Grey & Black) ในรุ่น X ซึ่งมีหลังคาแบบทูโทน
แพลทฟอร์มและแบตเตอรี่ใหม่เพื่อรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ
อีกหนึ่งความเหนือของ NEW MG4 ELECTRIC คือการมีNEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ที่พัฒนาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
มีความยืดหยุ่นในการนำไปปรับใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้หลายเซกเมนต์ หลายขนาด ตั้งแต่รถแฮทช์แบ็ค, ซีดาน ไปจนถึงรถกระบะ รวมถึงรองรับแบตเตอรี่หลากหลายความจุได้
แบตเตอรี่ถูกจัดวางเป็นแนวนอน และได้รับการปกป้องจากโครงสร้างตัวถัง ซึ่งช่วยเพิ่มการปกป้องแบตเตอรี่ให้มากขึ้นและยังได้พื้นที่ภายในห้องโดยสารมากขึ้นด้วย
ในด้านของแบตเตอรี่เองมาพร้อมกับเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต
ขนาดความจุ 51 kWh ขับได้ระยะทางไกลสุด 425 กม. ตามมาตรฐาน NEDC ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น มีระบบระบายความร้อนด้วยระบบ Liquid Cooling system
สมรรถนะการขับขี่
ด้วยคุณสมบัติของความที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ NEW MG4 ELECTRIC มีความแรงมาตั้งแต่เหยียบคันเร่ง ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ใส่ระบบขับเคลื่อนล้อหลังเข้าไป ซึ่งถือว่าเป็นไม้ตายเด็ดที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการส่งกำลังให้ดียิ่งขึ้น ผนวกกับการออกแบบให้มีการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 และด้วยตัวถังที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ สอดรับกับระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบอิสระ 5-Link Suspension การตอบสนองของรถรุ่นนี้จะสร้างประสบการณ์การขับขี่ที่สนุก เร้าใจ มากกว่าที่เคยมี การเกาะถนนระหว่างเข้าโค้งมีมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งโหมดการขับขี่ปรับได้ถึง 5 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM และ SNOW ที่สามารถปรับใช้ในการขับขี่ขณะฝนตก ถนนลื่น
ชาร์จไวทันใจสายท่องเที่ยว
แน่นอนว่าหลายคนอาจจะกังวลกับเรื่องการชาร์จที่อาจจะหาสถานียากหรือใช้เวลาในการชาร์จนาน MG พยายามขจัดจุดอ่อนเรื่องนี้ การมาโมเดล MG4 จึงได้รับการพัฒนามาแบบเต็มขั้น ทั้งง่าย และสะดวกด้วยการรองรับระบบชาร์จ 2 รูปแบบ
-
ชาร์จแบบเร็ว Quick Charge ชาร์จไฟจาก 10% - 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 88 kWh ถือว่ารวดเร็วเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดรถไฟฟ้า
-
ชาร์จแบบธรรมดา Normal Charge ผ่าน MG HOME CHARGER 0 – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาทีที่ 6.6 kWh
และยังรองรับระบบ V2L เปลี่ยนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้สามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้อีกด้วย อัพเดตสถานีอัดประจุไฟฟ้า MG Super Charge กันซักนิด ปัจจุบันที่ติดตั้งแล้วกว่า 128 แห่ง ทั่วประเทศ
มั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยจัดเต็ม
NEW MG 4 ELECTRIC มาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ปรับแต่งระบบ และมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System มากถึง 26 ระบบ ได้แก่
-
ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
-
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD
-
ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
-
ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
-
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
-
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
-
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist)
-
ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
-
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
-
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
-
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System)
-
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
-
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
-
ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
-
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
-
ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
-
ระบบช่วยเตือนการชนด้านหลัง RCW (Rear Collision Warning)
-
ระบบช่วยเบรกขณะถอย RCTB (Rear Cross Traffic Braking)
-
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
-
ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
-
ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
-
ถุงลมนิรภัย 6 จุด
-
กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ (3D Around View Monitor)
-
ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
NEW MG4 ELECTRIC ราคาสุทธิ (บาท)
• NEW MG4 ELECTRIC รุ่น D ราคา 869,000.-
• NEW MG4 ELECTRIC รุ่น X ราคา 969,000.-
ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองและรับรถยนต์ NEW MG4 ELECTRIC
• รับดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ผ่อนนาน 48 เดือน
• ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. ความคุ้มครอง 1 ปี
• รับประกับแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร
• ฟรี! MG Home Charger พร้อมค่าติดตั้ง
สำหรับลูกค้าที่สนใจยังสามารถจับจอง NEW MG4 ELECTRIC ผ่านแอพพลิเคชัน MG THAILAND
ลิงค์ดาวน์โหลด แอพพลิเคชัน MG THAILAND
สำหรับ iOS https://apps.apple.com/th/app/mg-thailand/id1614430167
สำหรับ Google Play Store https://play.google.com/store/apps/details?id=com.saicmotor.ismartthai
ดูรายละเอียดรถเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mgcars.com/th/mg-models/new-mg4-electric/overview สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 หรือเว็บไซต์ www.mgcars.com
อ่านเพิ่มเติม : เปิดราคา 2022 MG4 เริ่มต้น 869,000 - 969,000 บาท ชมภาพคันจริงจากงาน Motor Expo 2022
[Sponsored by MG]