NGK Spark Plug บริษัทผู้ผลิตหัวเทียนชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นประกาศเปลี่ยนชื่อแบรนด์ใหม่เป็น Niterra รองรับกลยุทธ์การดำเนินงานในอนาคตระยะยาว
ปัจจุบัน NGK เป็นผู้นำตลาดหัวเทียนระดับโลก การเปลี่ยนชื่อซึ่งติดหูคอรถยนต์มายาวนานหลายสิบปีไปเป็นชื่อใหม่ที่ฟังเข้าใจยากนั้นทำให้เกิดคำถามตามมาว่าอะไรคือสาเหตุเบื้องหลังของการตัดสินใจครั้งนี้ และจะส่งผลอย่างไรต่อกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในอนาคต
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
NGK อธิบายว่า ผู้บริโภคเริ่มมี “ความรู้สึกด้านลบต่อเครื่องยนต์สันดาปภายใน” อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่หลายประเทศเริ่มตั้งเป้าหมายลดปริมาณคาร์บอนไอเสีย และความต้องการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น
เดิมทีชื่อบริษัท NGK Spark Plug ตั้งตามชื่อ NGK Insulators Ltd. บริษัทแม่ที่ดำเนินธุรกิจผลิตเซรามิกและฉนวนไฟฟ้า มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1919 ซึ่งเพิ่งฉลองการดำเนินงานครบรอบ 100 ปีเมื่อไม่นานมานี้
เนื่องด้วยลูกค้าส่วนใหญ่ 80% อยู่นอกประเทศญี่ปุ่น พวกเขาจึงตัดสินใจตั้งชื่อบริษัทที่แยกตัวออกมาผลิตหัวเทียนว่า NGK Spark Plug การตั้งชื่อแบบตรงไปตรงมาทำให้พวกเขาเป็นที่จดจำได้ง่าย เมื่อบวกกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสูงทำให้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
ทำไมต้องตั้งชื่อว่า Niterra?
ล่าสุด NGK Spark Plug ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อ Niterra ซึ่งเป็นการผสมผสานคำว่า niteo และ terra ซึ่งแปลว่า “แสงสว่าง” และ “ดิน” ตามลำดับ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนเมษายนปีหน้าเป็นต้นไปหากชื่อดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากการประชุมถือหุ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายน
ธุรกิจหัวเทียนมีความสำคัญมากสำหรับ NGK Spark Plug ด้วยสัดส่วนยอดขายสูงถึง 80% ของยอดขายทั้งหมด แต่มีการคาดการณ์ว่าตลาดหัวเทียนจะค่อย ๆ หดตัวลงอย่างต่อเนื่องจากการที่อุตสาหกรรมยานยนต์เปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
นั่นทำให้ NGK Spark Plug วางแผนธุรกิจระยะยาวด้วยการวางแผนลดสัดส่วนธุรกิจผลิตหัวเทียนสำหรับเครื่องยนต์ให้เหลือ 60% ในปี 2030 และ 40% ในปี 2040
NGK Spark Plug ระบุในแถลงการณ์ว่า ชื่อบริษัทในปัจจุบันทำให้ผู้คนเกิดการรับรู้ว่าบริษัทดำเนินธุรกิจด้วยการพึ่งพาตลาดเครื่องยนต์สันดาปเพียงอย่างเดียว
“เราต้องการเปลี่ยนชื่อบริษัทเพื่อแสดงให้เห็นว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ทิศทางใหม่ในการดำเนินธุรกิจในอนาคตระยะยาว” NGK Spark Plug ระบุ
สำนักข่าว Asahi รายงานว่า หลังจากการเปลี่ยนชื่อมีผลบังคับใช้ NGK Spark Plug ยังคงอ้างอิงถึงชื่อเดิมอย่าง NGK ต่อไปก็ต่อเมื่อมีการกล่าวถึงแบรนด์หรือองค์กรในภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });