Nissan Kicks e-Power เปิดตัวในประเทศไทยมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 ที่ผ่านมา ด้วยความโดดเด่นของรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ที่มาพร้อมเครื่องยนต์อี-พาวเวอร์รุ่นแรกของประเทศไทย ซึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะทำให้ตลาดนั้นมีความคึกคักขึ้นบ้าง ท่ามกลางความซบเซาของสถานการณ์โควิด-19
แต่กลับกลายเป็นว่า ลูกค้าที่ต้องการทดลองขับหรือสัมผัสกับรถคันนี้ รวมถึงผู้ที่สั่งจองรถกลับต้องรอเพลงรอเก้อกันมานานกว่า 3 เดือนเข้าไปแล้ว หลังจากที่นิสสันนั้น ไม่สามารถทำการผลิตรถรุ่นนี้ออกมาได้ จากปัญหาการปิดโรงงานไปนานกว่า 2 เดือน และการขาดแคลนชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์
อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวนั้นได้รับการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อย และนิสสันเอง โดย ราเมช นาริสิมัน ประธาน นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) ออกมาประกาศว่าพวกเขาพร้อมแล้วที่จะเริ่มทำการผลิต พร้อมส่งมอบนิสสัน คิกส์ ลอตแรกให้กับลูกค้าในประเทศไทยตั้งแต่เดือนสิงหาคมนี้เป็นต้นไป
ประเทศไทยฐาการผลิตอี-พาวเวอร์แห่งที่ 2
ความสำคัญของนิสสัน คิกส์ นั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของสินค้าที่ทำตลาดคันหนึ่ง แต่การใช้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ และการเปิดสายการผลิตเทคโนโลยีดังกล่าวในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่ 2 ในโลกที่มีการเปิดสายการผลิตเครื่องยนต์ดังกล่าว ต่อจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น
การเปิดสายการผลิตและการเริ่มส่งมอบรถยนต์ลอตแรกอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้ จะเป็นการผลักดันความสำคัญของของประเทศไทยในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์นิสสันในเอเชียและโอเชียเนีย ด้วยการผลิต อี–เพาเวอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด
นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ประสบปัญหาด้านสายการผลิต หลังจากการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ โดยพวกเขาไม่มีความพร้อมในการที่จะส่งมอบรถให้ทันกับความต้องการของลูกค้า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องปิดโรงานประกอบรถยนต์ทั่วโลกนานกว่า 2 เดือน
ยาหอมลงทุนไทยต่อเนื่องดันเศรษฐกิจโต
ราเมชกล่าวต่อว่า นิสสันนั้นได้มองเห็นประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีความสำคัญ โดยนิสสันได้ขยายฐานการผลิตอย่างต่อเนื่อง และมีการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยเพื่อสร้างงานและช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานมาเป็นอย่างดี
พนักงานนิสสัน ประเทศไทย มากกว่า 5,000 คนได้รับการฝึกฝนเพื่อรองรับมาตรฐานการผลิตระดับโลก โดยใช้เทคโนโลยีทันสมัย มีส่วนร่วมในการผลิตนิสสัน คิกส์ อี–เพาเวอร์ เช่นเดียวกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทย ที่จะนำความสำเร็จของรถรุ่นนี้ เพื่อเข้าสู่การแข่งขันในตลาดฃคอมแพ็ค เอสยูวี
"ไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและเพื่อส่งออกไปประเทศญี่ปุ่น รวมถึงตลาดสำคัญต่าง ๆในอาเซียนของนิสสัน นิสสัน มีมาตรฐานการประเมินคุณภาพที่เข้มงวดเพื่อให้มั่นใจว่าคุณภาพการผลิตรถยนต์ได้รับมาตรฐานเทียบเท่ากับประเทศญี่ปุ่น"
เกี่ยวกับ 2020 Nissan Kicks e-Power
นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อแย่งชิงตลาดกลุ่มคอมแพคท์ เอสยูวี โดยมีทางเลือกเครื่องยนต์เพียงรุ่นเดียว แบ่งออกจำหน่ายใน 4 รุ่นย่อย วางราคาจำหน่ายตั้งแต่ 8.89 แสนบาท ถึง 1.049 ล้านบาท แตกต่างอุปกรณ์และระบบกันในแต่ละรุ่นย่อย
นิสสัน สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการรับประกันคุณภาพตัวรถนาน 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร พร้อมการรับประกันระบบไฟฟ้า นาน 5 ปี รับประกันแบตเตอรี่ นาน 10 ปี เพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการซื้อเกิดความมั่นใจในระบบไฮบริดรูปแบบใหม่ ซึ่งไม่เคยมีใครทำตลาดจริงจังในประเทศไทยมาก่อน
ตัวรถมาพร้อมมิติที่ไม่แตกต่างจากคู่แข่งมาก โดยมาพร้อมความกว้าง 1,760 มิลลิเมตร ความยาว 4,290 มิลลิเมตร ความสูง 1,615 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อยาว 2,615 มิลลิเมตร และมีระยะต่ำสุดถึงพื้นที่ 175 มิลลิเมตร ถือว่าไม่ได้มีความได้เปรียบเสียเปรียบอะไรกับคู่แข่งรายอื่น ๆ มากนัก
ระบบอี-พาวเวอร์จะใช้เครื่องยนต์ในการปั่นไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้า โดยไม่ใช้ในการส่งกำลังเพื่อการขับเคลื่อนแม้แต่น้อย ตัวรถมาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR12DE ความจุ 1,198 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 79 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 103 นิวตันเมตรที่ 3,600 – 5,200 รอบต่อนาที
เครื่องยนต์จะทำหน้าที่ปั่นไฟไปเก็บยังแบตเตอรี่ เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานให้มอเตอร์ไฟฟ้า EM57 High Power ที่ให้พละกำลังสูงสุด 129 แรงม้าที่ 4,000 – 8,992 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร ที่ 500 – 3,008 รอบต่อนาที มาพร้อมโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ และอุปกรณ์ฟังชั่นส์ที่ครบครัน