ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยที่ยังดูกระท่อนกระแท่นและอ่อนไหวต่อสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องและรุนแรง น่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 หลังจากที่ทำยอดจำหน่ายหดตัวลงไปในช่วงก่อนหน้านี้ และมีแนวโน้มว่าจะปิดไตรมาสสองด้วยยอดจำหน่ายที่ลดลงจากไตรมาสแรก
ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสาม ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมากกว่าที่คาด แม้ค่ายรถยนต์จะพยายามในการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เห็นได้จากยอดจำหน่ายในเดือนเมษายนและพฤษภาคมที่ไม่ดีนัก
คำถามที่หลายคนถามก็คือ แล้วสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นจะยาวนานไปเพียงใด และจะส่งผลต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ที่มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้น่าจะกลับมาเติบโตจากปีที่ผ่านมาได้หรือไม่ AutoFun Thailand จะพาไปวิเคราะห์ปัจจัยที่จะส่งผลดีและร้ายในช่วงที่เหลือของปีกัน
มาตรการภาครัฐจะเป็นตัวหนุนให้ตลาดเติบโต
แน่นอนว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เป็นผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสระลอก 3 ที่ทำให้เกิดภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจกันอีกครั้ง กิจการหลาย ๆ อย่างถูกระงับเอาไว้ชั่วคราว เป็นเหตุให้ผู้ประกอบการไม่มีความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยกันเท่าที่ควร
การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดก็ต้องเริ่มจากภาพใหญ่ที่สุดในระดับรัฐบาล ที่จะต้องเข้ามาสร้างความมั่นใจและเดินหน้าเศรษฐกิจกันอีกครั้ง การประกาศเดินหน้าปูพรมฉีดวัคซีนทั่วประเทศให้เร็วที่สุด พร้อมแนวคิดในการเปิดประเทศใน 120 วัน หากทำได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดีที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจะประกาศออกมาแล้ว แต่ดูจากตัวเลขที่ทำได้จริง ก็ยังถือว่าสวนทางกับท่าทางขึงขังเป็นอย่างมาก และยังไม่สร้างความมั่นใจให้กับภาคเอกชน โดยเฉพาะประชาชนเท่าที่ควร ต้องดูว่าจากนี้ไป ภาครัฐจะมีมาตรการอะไรที่มีความชัดเจนกว่านี้ออกมา เรียกความมั่นใจจากประชาชนหรือไม่
ค่ายรถคงต้องฮึดกันอีกสักรอบ
ต้องบอกว่าที่ผ่านมาค่ายรถเองก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ งอมืองอเท้ารอความช่วยเหลือ พวกเขานั้นออกอาวุธกันมาอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ภายใต้สถานการณ์จำกัดแล้ว แม้หลาย ๆ ครั้งอาจจะดูไม่ค่อยเข้าเป้าไปบ้าง เนื่องจากตลาดเองก็มีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทำให้ต้องปรับตัวกันยกใหญ่
งานแสดงรถยนต์ที่ถูกเลื่อนไปในช่วงไตรมาส 2 นั้น แม้จะไม่ได้ส่งผลในเรื่องของยอดจำหน่ายสักเท่าไร แต่ที่แน่ ๆ ก็คือส่งผลกระทบต่อจิตใจของผู้จัดงานและผู้ร่วมงานมากพอสมควร แถมทำให้บรรยากาศของการมาร่วมกันจัดแคมเปญลุยตลาดไปพร้อมกัน ก็ไม่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 นั้น งานแสดงรถยนต์อีกงานประกาศชัดเจนแล้วว่าพวกเขาจะไม่เลื่อนไปไหนแน่นอน เพราะฉะนั้น ค่ายรถไหนที่วางแผนของไตรมาส 3 ยังไม่จบ ก็ต้องคิดกันล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องทำอย่างไรเพื่อดึงกำลังซื้อผู้บริโภคออกมาให้ได้มากที่สุดภายใต้สถานการณ์นี้
ช่วงเวลาของผู้บริโภคที่ยังมีกำลังซื้อ
ไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่า ภายใต้สถานการณ์ตลาดที่หดตัวอย่างต่อเนื่องในครั้งนี้ เป็นจังหวะดีสำหรับผู้บริโภคในประเทศไทยที่ยังมีกำลังซื้ออยู่ ที่สามารถจับจองเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ต้องการได้ ในราคา โปรโมชั่นและของแถมที่น่าจะเรียกได้ว่าเยอะที่สุดในรอบปี หากยังสามารถจ่ายตังค์ซื้อรถไหว
เพราะหากดูจากการจัดแคมเปญในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ปกติจะไม่รุนแรงมากในทุก ๆ ปี เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ต่อยอดมาจากมอเตอร์โชว์ และเป็นช่วงโลว์ซีซั่นส์ของทุกปี แต่ในปีนี้ ค่ายรถไม่อาจจะปล่อยเกียร์ว่างได้แม้แต่ช่วงเดียว ทำให้มีการอัดแคมเปญระดับ 1-2 แสนบาทกันเป็นเรื่องปกติ
นี่ยังไม่รวมการต่อรองอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันของตัวแทนจำหน่ายอีกต่างหาก ซึ่งหากสถานการณ์ตลาดกลับมาสู่ภาวะปกติ แน่นอนว่าแคมเปญโปรโมชั่นทั้งหลายก็จะทวีความรุนแรงลงไป ดังนั้น ใครที่รอสอยรถรุ่นไหนอยู่ อย่าลืมเช็คภาพรวมรอบ ๆ ดูด้วย เดี๋ยวจะพลาดช่วงที่ดีที่สุดของปีไป
วัดใจรถใหม่-แคมเปญเพิ่มกระตุ้นตลาดที่เหลือ
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่เรื่องของแคมเปญเท่านั้นที่ดูมีความรุนแรงขึ้นในช่วงที่เหลืองของปีนี้ อีกสิ่งหนึ่งที่คาดว่าจะได้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง ก็คือการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ที่น่าจะมีทั้งรุ่นใหม่หมดจด รุ่นปรับโฉมเพื่อเพิ่มความสดใส รวมไปถึงรุ่นปรับเล็กเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวทางตลาดเล็กน้อย
ดูจากลิสต์รายชื่อรถยนต์ใหม่ที่มีชะลอการเปิดตัวมาเล็กน้อย รวมถึงที่ติดปัญหาจนไม่สามารถเปิดตัวได้ในช่วงที่ผ่านมา รวมไปถึงรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ที่จะต้องเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ถือว่ายังไม่น่าเบื่อมากนัก ยังมีสินค้าหลายตัวที่น่าจะเข้ามาช่วยสร้างความคึกคักให้กับตลาดได้ในระดับหนึ่ง
โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าในช่วงไตรมาส 3 นั้น ตลาดน่าจะกลับมาคึกคักกว่าในไตรมาส 2 จากภาพรวมของประเทศที่มีการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ธุรกิจหลาย ๆ อย่างน่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งแบบช้า ๆ ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์ กว่าจะเห็นผลจริง ๆ ก็คงไตรมาส 4 นั่นล่ะ!!!