All-New 2018 Suzuki Swift (ออลนิว 2018 ซูซูกิ สวิฟท์) รถยนต์อีโค่คาร์อเนกประสงค์ห้าประตู ที่เป็นรุ่นที่ทำยอดขายให้ทาง Suzuki (ซูซูกิ) ได้อย่างดีมากในรุ่นปี 2012 ทำให้ทางซูซูกิได้ออกรุ่นใหม่ในปี 2018
โดยในซูซูกิ สวิฟท์รุ่นใหม่นี้ ได้มีการปรับปรุงหน้าตาให้มีความสปอร์ตขึ้น รวมถึงกระจังหน้ารูปแบบใหม่ตัดด้วยเส้นสีแดง และไฟหน้า LED แบบโปรเจคเตอร์ กับ Daytime Running Light (DRL) เสริมความหล่อได้มากขึ้น
ครั้งนี้เราจะพาไปรู้จักข้อดี-ข้อด้อย ของซูซูกิ สวิฟท์ 2018 นี้ เพื่อเป็นตัวช่วยในการพิจารณาของคุณว่าอีโค่คาร์รุ่นนี้มีอะไรดีและมีอะไรที่ต้องดูว่าเป็นปัญหาต่อตัวท่านเองไหม กับค่าตัว 4.99 แสนบาท ถึง 6.29 แสนบาท
5 ข้อดีที่ทำให้คุณหลง ซูซูกิ สวิฟท์
1. โครงสร้าง HEARTECT
ซูซูกิได้ออกแบบแพลตฟอร์มใหม่ HEARTECT ทำให้มีโครงสร้างที่แข็งแรงขึ้น ตัวถังมีน้ำหนักที่น้อยลงถึง 85 กิโลกรัม ความสูงตัวถังลดลง 15มม. แต่มีความกว้างมากขึ้น 40มม. ซึ่งทำให้น้ำหนักรถเฉลี่ยเพียง 900 กิโลกรัม
2. เครื่องยนต์ใหม่ รหัส K12M
เครื่องยนต์แบบใหม่ขนาด 1.2 ลิตร ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Dual Jet สามารถให้แรงม้าสูงสุด 83 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 108 ที่ 4,400 รอบต่อนาที จะเห็นได้ว่าแรงม้าน้อยกว่าตัวเก่า 8 แรงม้า แต่สำหรับการใช้งานในอัตราเร่งรวมถึงความเร็วเรียกได้ว่าอาจทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนเลยทีเดียว
รวมถึงเครื่องยนต์ใหม่ยังออกแบบมาให้รองรับกับการผ่านมาตรฐานอีโค คาร์เฟส 2 และ EURO 5 อีกด้วย แถมยังมีระบบ Idling Stop และออกแบบให้เพิ่มการประหยัดน้ำมันโดยเฉลี่ยถึง 23 กิโลเมตรต่อลิตร
3. ช่วงล่างออกแบบใหม่ควบคุมง่ายขึ้น
โดยรุ่นนี้จะใช้ช่วงล่างแบบเดียวกับรุ่นก่อนหน้าแต่ได้มีการออกแบบจุดยึดใหม่ เพื่อเพิ่มสมรรถนะของช่วงล่างให้ได้มากที่สุด ระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแม็กเฟอร์สันสตรัท พร้อมคอยล์สปริง ที่ออกแบบจุดยึดใหม่ และยังปรับปรุงศูนย์แบริ่งล้อใหม่ เพื่อความมั่นคงในการควบคุม
ในส่วนของระบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบแบบทอร์ชั่นบีม พร้อมคอยล์สปริง รวมถึงคานเหล็ก ที่ถูกออกแบบและพัฒนาให้ดีขึ้น ทำให้ช่วยลดอาการบิดตัว ช่วยให้เข้าโค้งได้ดีขึ้น รวมถึงการควบคุมรถที่แม่นยำและมั่นคงกว่ารุ่นเดิม
4. ภายนอกเพิ่มความสปอร์ต
หากดูในภายนอก ซูซูกิ สวิฟท์ ได้ปรับปรุงใหม่ตั้งแต่ไฟหน้าและมิติรถทำให้ดูเปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงอุปกรณ์ที่ให้มาอย่าง ไฟหน้า LED แบบโปรเจคเตอร์ กับ Daytime Running Light (DRL) กระจังหน้าใหม่ตัดด้วยเส้นสีแดง และที่สำคัญคือมือจับเปิด-ปิดประตูหลังถูกซ่อนไว้ตรงกาบประตูบนเรียบเนียนไปกับตัวรถ ทำให้มีความลงตัวและเสริมลุคความเป็นสปอร์ตอีโค่คาร์ได้อย่างดีเยี่ยม
5. อุปกรณ์ความปลอดภัย
ซูซูกิ สวิฟท์ ได้จัดให้กับอุปกรณ์ความปลอดภัยที่เหมาะสมกับอีโค่คาร์สมัยใหม่หลากหลายอย่าง ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ได้แก่คู่หน้า ด้านข้าง และม่านข้าง , ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (Electronic Stability Program – ESP) , ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Hold Control) , ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System) , ระบบกุญแจนิรภัย (Immobilizer) , ระบบเบรก ABS/ EBD เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยที่เป็นมาตราฐานสำหรับอีโค่คาร์ยุคใหม่
2 ข้อด้อยของ ซูซูกิ สวิฟท์ ที่ต้องพิจารณา
1. เกียร์ CVT ที่อัตราเร่งไม่จิ๊ดเท่าที่ควร แต่ข้อนี้หากไม่คิดเรื่องการประหยัดน้ำมันแล้ว สามารถกดปุ่มโหมด Sport เพื่อเพิ่มอัตราเร่งได้พอสมควร แต่หากหลังความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไปแล้วซูซูกิ สวิฟท์ถือว่าเป็นรถอีโค่คาร์ที่ยังนับว่าขับสนุกอยู่
2. ห้องโดยสารตอนหลังที่ค่อนข้างอึดอัด ในสำหรับท่านที่มีคนที่บ้านเป็นคนตัวสูง อาจจะต้องคิดหนักเพราะว่าเบาะผู้โดยสารตอนหลังจะค่อนข้างมีพื้นที่ขาที่จำกัด รวมถึงหากนั่ง 3 คนในระยะทางไกลคงมีอาการเมื่อยไม่มากก็น้อย
เป็นรถอีโค่คาร์อีกรุ่นนึงที่น่าใช้งาน
สรุปโดยรวมซูซูกิ สวิฟท์เป็นรถยนต์อีโค่คาร์ที่น่าใช้งาน รวมถึงมีรุ่นให้เลือกใช้งานตามราคาได้ตั้งแต่ 4.99 - 6.29 แสนบาท ทำให้ครอบคลุมความต้องการของผู้คนได้หลากหลายกลุ่ม โดยเหมากับผู้เริ่มต้นสร้างครอบครัวหรือผู้ที่ต้องการมีรถไว้ใช้งานที่ประหยัดน้ำมันและค่าใช้จ่ายก็สามารถพิจารณาเลือกใช้งานได้