Renault Twingo next gen ต้นแบบรถไฟฟ้าทรงชิค ย้อนไปยุค 90 กับภายในที่น่ารักเกินไปแล้ว

Renault Twingo (เรโนลต์ ทวินโก) เป็นรถขนาดจิ๋วสุดในค่ายรถจากฝรั่งเศสนี้ เปิดตัวเมื่อปี 1993 กับรูปทรงแบบกล่อง หน้าลาดท้ายตัด มีจุดเด่นการออกแบบที่ไฟหน้าทรงครึ่งวงกลมกลม ซ่อนไฟเลี้ยวไว้ในชั้นล่าง มีช่องดักอากาศขนาดเล็ก 3 รูตรงฝากระโปรงหน้า เพื่อเปิดให้ระบายเข้าสู่ห้องโดยสาร อีกทั้งยังมีสีสันฉูดฉาด ทั้งภายนอกและภายใน ทำให้เป็นที่นิยมมากในยุโรปและหลายประเทศ จนมีอายุการตลาดยาวนานถึง 19 ปีก่อนจะหยุดผลิตไป ล่าสุดนี้มีคนคิดรื้อฟื้นรูปทรงนี้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

เป็นภาพเรนเดอร์

ภาพรถยนต์ Renault Twingo ที่ปล่อยออกมาใหม่นี้ เป็นผลงานการเรนเดอร์จากศิลปินดิจิตัลนามว่า antonin_mde ซึ่งได้จินตนาการถึงรถยุค 90 ที่นำมาทำใหม่ แต่แทนที่จะทำเป็นทรงโค้งมนเหมือนรูปร่างของรถที่มีอยู่จริงในยุคนั้น เขากลับแปลงเป็นรถทรงกล่องสี่เหลี่ยมคางหมู

รายละเอียดคงเดิม

แม้รูปทรงรถมีความเปลี่ยนกล่อง แต่ยังมีรายละเอียดการออกแบบต่าง ๆ สะท้อนถึงดีไซน์ในยุค 90 เช่น ไฟหน้าครึ่งวงกลมที่ซ้อนทับไฟหรี่กับไฟเลี้ยว กลายเป็นไฟทรงแคปซูลที่ซ้อนทับกันเป็น 2 ชั้น กระจกมองข้างทรงหยดน้ำ ก็ยังคงความโค้งมนอยู่ แม้กระทั่งกระจกบานหลังที่มีความนูนต่ำ ก็ถูกออกแบบใหม่ให้นูนออกจากตัวถังยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ช่องดักลม 3 รู

ดีไซน์ช่องลม 3 รูจากฝากระโปรง ก็ยังถูกตีความใหม่ ให้เป็นท่อดักลมผ่านกรองเข้าไปยังห้องโดยสาร แน่นอนว่ามันเป็นคอนเซปต์การออกแบบ ยังไม่มีเครื่องปรับอากาศชนิดในโลก ที่ดูดลมร้อนจากภายนอกแล้วเป่าลมเย็นออกมาได้โดยตรงภายในลำกล้องอันสั้นอย่างนี้

ภายในจะน่ารักเกินไปมั้ย

นอกจากนี้ภายในยังมีผ้าหุ้มลายกราฟฟิคแนวแอปสแตรค ซึ่งนิยมใช้ในรถยุค 90 ให้สีพื้นเฉดขาว ตัดด้วยลายเรขาคณิตสีม่วงเขียวแสนฉูดฉาด ทำให้ได้บรรยากาศความน่ารักแบบย้อนยุค

รายละเอียดอีกอย่างที่น่าสนใจคือ ตรงแป้นพวงมาลัยกลาง กลายเป็นช่องแอร์ในตัว ส่วนหน้าจออินโฟเทนเมนท์ตรงกลาง ไม่ได้เป็นจอเปล่งแสงในตัวอีกต่อไป เป็นกลายเป็นฉากกระจกใสรับภาพฉายสะท้อนออกมาอีกต่อนึง ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับระบบ Head-up Display นั่นเอง

ใช้ไฟฟ้าล้วน

รถยนต์แห่งอนาคตนี้ ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน สังเกตจากการไม่มีช่องดักอากาศขนาดใหญ่ กับการมีฝาปิดช่องชาร์จใต้ไฟหน้าขวา และชิ้นส่วนฝากระโปรงหน้า ถูกแทนที่ด้วยกระจกโปร่งใสจนเห็นทะลุภายในห้องโดยสาร นี่คือข้อดีของการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้นักออกแบบมีอิสระในการเล่นกับพื้นผิวตัวถังได้มากขึ้น

อ่านเพิ่มเติม : Renault 5 Diamant ไฟฟ้าฉลองครอบรอบ 50 ปี พร้อมสีชมพูตัดทองสุดน่ารัก และพวงมาลัยสุดแปลกตา

การไม่ต้องคิดถึงต้นทุนการผลิต ไม่ต้องจำกัดเทคโนโลยี และไม่มีหลักวิศวกรรมมาบังคับ ทำให้นักออกแบบได้ปลดปล่อยไอเดียอย่างเต็มที่ ส่วนเมื่อผลิตจริงก็คงต้องปรับเปลี่ยนให้ใช้งานได้ในโลกความเป็นจริง ในราคาจับต้องได้

อ่านเพิ่มเติม : พันธมิตร Renault Nissan Mitsibishi เทงบเพิ่มลุยอีวี ช่วยมาไทยไวไวหน่อยก็ดีนะ