ทดสอบ Jaecoo 6 EV รถยนต์ไฟฟ้าแนว SUV ทรงกล่องจากจีน ที่ตอนแรกดูเหมือนจะใช้งานลุยไม่ได้ เพราะใส่ยางแบบรถทางเรียบมาให้ แต่เมื่อลงสนามโคลนแล้ว ระบบช่วยขับขี่นั้นพารถรอดไปได้ทุกด่าน โดยคนขับไม่ต้องใช้ฝืมือการขับขี่ด้านออฟโรดมากมายแต่อย่างใด
ทดสอบ Jaecoo 6 EV รถยนต์ไฟฟ้าแนว SUV ทรงกล่องจากจีน ที่ตอนแรกดูเหมือนจะใช้งานลุยไม่ได้ เพราะใส่ยางแบบรถทางเรียบมาให้ แต่เมื่อลงสนามโคลนแล้ว ระบบช่วยขับขี่นั้นพารถรอดไปได้ทุกด่าน โดยคนขับไม่ต้องใช้ฝืมือการขับขี่ด้านออฟโรดมากมายแต่อย่างใด
Jaecoo 6 EV เป็นเอสยูวีขนาดกลาง ที่มีทรงเหลี่ยมเป็นกล่องแบบลบสันมุมออกไป ดูแล้วเหมือนแลนด์โรเวอร์ ซึ่งเป็นคู่ค้าร่วมผลิตในประเทศจีนมาก่อน ทำให้กลุ่ม Chery ก็ได้ความรู้ด้านการทำรถยนต์ออฟโรดมาบ้าง แล้วนำมาต่อยอดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเข้ากับเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้าของตัวเอง จนเกิดเป็น Jaecoo 6 EV หรือในเมืองจีนใช้ชื่อว่า iCar 03 นั่นเอง สเปคกำลังและรายชื่อออพชั่น คงหาอ่านกันได้ในโบรชัวร์หน้าเว็บอยู่แล้ว วันนี้เราจะมาลองขับลงสนามจริงกันเลยดีกว่า
ทีมงาน Autofun ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสนามออฟโรด เพียงแค่รู้จักการควบคุมคันเร่งในทางลื่นเท่านั้น เมื่อเจอกับเอสยูวีที่ใส่ยางดอกเล็ก แก้มเตี้ย แบบยางถนนทางเรียบ ไม่ใช่ยางแบบ A/T ก็ทำให้เกิดความหวั่นใจว่า รถมันจะติดหล่มโคลนลึกท่วมล้อหรือไม่ โดยรอบแรกเราได้ลงสนามออฟโรดที่จัดการทำโคลนให้เละและลึกอย่างสุดขีด เพื่อทำความคุ้นเคยกับรถและเส้นทางในสนามอย่างละเอียด
Jaecoo 6 EV รุ่นที่ทดสอบเป็นตัวท็อป ขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้งหมด 9 แบบ แต่ในสนามอฟโรดโคลนลื่นแบบนี้ จะได้ลองใช้โหมด Slipery, Bumpy, Muddy และ All road ซึ่งจะปรับความฉับไวของเฟืองท้ายไฟฟ้า เพื่อล็อคล้อฟรีแล้วถ่ายกำลังไปล้อที่ติดอยู่
เส้นทางการลองขับเริ่มจากโหมด Muddy ลงร่องโคลนลึกอมแก้มยาง บางร่องลงไปแล้วถึงขั้นล้อฟรี กระแทกใต้ท้องรถเกยติ้นติดพื้นดิน แต่ระบบนั้นทำงานล็อคล้อฟรีทิ้งไป ถ่ายโอนกำลังไปล้ออื่นที่ยังนิ่ง แล้วเมื่อพ้นหล่มแรกก็มีหล่มที่สอง ล้อแต่ละข้างสลับกันลงหลุม ระบบก็สลับกำลังไปยังล้อข้างอื่นอย่่างรวดเร็วมากในระดับวินาที ทำให้รถเคลื่อนตัวพ้นหล่มไปได้ แม้ว่าโคลนจะอุดเต็มดอกยางเรียบร้อยแล้วก็ตาม
ด่านต่อไปเป็นเนินโคลนทางชัน ซึ่งใช้โหมด Slipery ในการไต่ขึ้นเนินช้า ๆ ระบบทำการสลับกำลังจากล้อฟรีไปยังล้ออื่นที่ยึดเกาะดี สลับไปจนครบทั้ง 4 ล้อ โดยใช้คันเร่งเพียงครึ่งเดียว กำลังไฟฟ้ามีแรงบิดมากพอแล้ว แม้ไม่มีดอกยางช่วยไต่ แต่การสลับกำลังไปยังล้อที่ยึดเกาะดีกว่า คือจุดสำคัญที่รถออฟโรดจะรอดหรือร่วง
ด่านต่อมาเป็นการลองเนินสลับและเนินเอียงไม่เท่ากันบนทางโคลนเปียกเช่นเดิม โดยใช้โหมด Bumpy เลี้ยงคันเร่งไม่ถึงครึ่ง ใช้ความเร็วต่ำไม่ถึง 20 กม./ชม. เพื่อแกล้งทำเหมือนว่าไม่มีแรงขับช่วย ให้ระบบช่วยเหลือโดยการสลับกำลังไปยังล้อที่ยึดเกาะโคลนอยู่ และเมื่อลองแกล้งเหยียบคันเร่งเยอะ ก็จะมีอาการรถดิ้นปัดไปมาตามแรงคันเร่ง แต่ระบบก็ยังพาเข้าร่องทางอย่างถูกต้อง
หลังจากใต้ท้องรถโดนกรวดและดินกระแทกมากพอแล้ว ก็ได้ขับ Jaecoo 6 EV ลงน้ำต่อเนื่องกันไปในโหมด All Road ด้วยความเร็ว 20 กม./ชม.ในน้ำลึกประมาณ 50 ซม. หรือประมาณครึ่งแข้ง พบว่าน้ำมีการกระแทกใต้ท้องรถและชายประตูอย่างชัดเจน แต่ระบบไฟฟ้าและสายไฟกันน้ำยังกันน้ำได้ดี ไม่ดับกลางบ่อน้ำ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ถูกหินกรวดกระแทกมาแล้ว ก็ไม่ทำให้น้ำเข้าจนไฟลัดวงจรแต่อย่างใด
นอกจากการลองขับแล้ว เรายังได้สัมผัสวัสดุการประกอบ รวมถึงเมนูหน้าจอต่าง ๆ ก็พบว่าให้วัสดุบุนวมนิ่มมาเยอะไม่ต่างจากคู่แข่งรถจีนในระดับเดียวกัน สิ่งที่ต้องปรับปรุงคือสวิตช์กระจกไฟฟ้า ตรงที่การผลักสวิตช์ไปด้านหน้าแล้วกระจกเลื่อนลง กับการดันสวิตช์ไปด้านหลังแล้วกระจกเลื่อนขึ้น ซึ่งขัดกับความเคยชินในรถส่วนใหญ่ และนอกจากนี้ยังมีการเลือกโหมดขับขี่จากในเมนูหน้าจอสัมผัสเท่านั้น ไม่มีปุ่มกายภาพแยกออกมาให้ใช้งาน ซึ่งน่าเสียดายหากมันเข้าถึงโหมดการขับขี่ยาก จะทำให้คนขับทั่วไปเข้าไม่ถึงระบบออฟโรดที่ดีแบบนี้
นอกจากการลองขับ Jaecoo 6 EV แล้วยังมีการลองขับ Omoda C5 EV ในสภาพถนนทางเรียบและใช้ความเร็วสูงด้วย โดยมีจุดที่ควรปรับปรุงคือคอนโซลสีน้ำเงินที่สะท้อนแสงแดดเข้าหน้ารถอยู่บ้าง กับการเซ็ตช่วงล่างด้านหลังที่ไม่นิ่มนวล ตามด้วยระบบรักษารถในเลนที่ขืนพวงมาลัยอย่างไม่นิ่มนวล และยังมีข้อสังเกตุเรื่องการจัดแพ็คเก็จที่นั่งด้านหลัง มีที่วางเท้าตื้น พนักพิงหลังตั้งชันเกินไป และเบาะรองต้นขาสั้นไป ทำให้ท่านั่งเป็นแบบกึ่งนั่งยอง น้ำหนักลงที่แก้มก้นเยอะ มีผลให้เกิดความเมื่อยล้าเมื่อนนั่งเป็นเวลา 2 ชม.ขึ้นไป
สุดท้ายนี้อยู่ที่ราคา ทั้งรถ Jaecoo 6 EV และรถ Omoda C5 EV ถูกคู่แข่งรับน้องด้วยสงครามราคา จึงเกิดการเปรียบเทียบโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Omoda C5 EV ที่มีคู่แข่งอย่าง Neta X และ BYD Atto3 หากอยากแย่งลูกค้าจากคู่แข่งให้ได้ ต้องซื้อใจด้วยส่วนลดรุ่นละ 1 แสนบาทเท่านั้นครับ
อ่านเพิ่มเติม : เปิดราคา OMODA C5 EV เริ่มต้นที่ 899,000 - 949,000 บาท ชมคันจริงพร้อมสเปคเด่นทั้งหมดที่นี่
ขายรถเก่า-ซื้อคันใหม่ ไม่ยุ่งยาก ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝง
Chery Omoda 5 Upcoming Version 2022
แลก
เพิ่มรถของคุณ