• เพิ่มราคา 1.5 หมื่นบาทอย่างเป็นทางการ
• ใส่ไวร์เลส ชาร์เจอร์ แบบไวมาให้แล้ว
• พร้อมกล้องด้านหน้าควบคุมผ่านหน้าจอกลาง

Suzuki XL7 (ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7) คือหนึ่งในรถยนต์แห่งความภาคภูมิใจของแบรนด์ Suzuki (ซูซูกิ) ในประเทศไทย ที่แม้หลาย ๆ คนจะเรียกมันว่ารุ่นยกสูงของ Suzuki Ertiga (ซูซูกิ เออร์ทิก้า) ก็ตามที แต่นี่คือหนึ่งในรถยนต์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของค่าย ที่ได้มาทั้งยอดขายและชื่อเสียง ทำให้ซูซูกิเป็นแบรนด์ผู้บุกเบิกเอ็มพีวีเล็ก 7 ที่นั่ง แบบยกสูง ในราคาที่น่าคบหาและจับต้องได้

อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวของคู่แข่งหลาย ๆ รายในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) ที่เปลี่ยนช่วงล่าง พร้อมปรับไปใช้เกียร์ซีวีที หรือผู้มาใหม่หมดจดแต่ใส่เต็มมาอย่าง Toyota Veloz (โตโยต้า เวลอซ) แต่ทั้งสองคันนั้นแพงกว่า ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อการทำตลาดของเอ็กซ์แอล7 อยู่บ้างไม่มากก็น้อย ทำให้พวกเขาต้องเร่งเครื่องปรับตัวเช่นเดียวกัน

มาวันนี้ ซูซูกิได้เชิญ AutoFun Thailand เข้าร่วมทำการทดสอบเวอร์ชั่นปรับปรุงเพิ่มออพชั่นดันราคาชนเพดานต้าน ที่ทำให้รถรุ่นนี้มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 8.14 แสนบาท หลังจากที่พยายามรักษาราคาให้ต่ำกว่าเลข 8 มาอย่างยาวนานนับตั้งแต่เปิดตัว พร้อมทั้งพาไปลองขับขึ้นดอยช้างกันถึงระดับความสูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล กันให้รู้อีกรอบว่ารถเครื่องยนต์พันห้าก็ซ่าไหว

แล้วมันคุ้มค่ากับอีก 1.5 หมื่นบาทที่เสียไปหรือไม่ มาชมกัน...

อ่านเพิ่มเติม: Full Review 2020 Suzuki XL7 ลงตัว ใช้งานง่าย

ราคาจำหน่ายบวกไป 1.5 หมื่นบาททุกรุ่นย่อย ทุกสี

การเพิ่มราคาจำหน่ายขึ้นไปในครั้งนี้ ทำให้เอ็กซ์แอล7 มีราคาจำหน่ายในรุ่นสีธรรมดาอย่างสีส้ม สีเทาเข้มและสีดำที่ 8.14 แสนบาท สีขาวที่ 8.19 แสนบาท ขณะที่รุ่นทูโทนหลังคาดำจะบวกเพิ่มอีก 1 หมื่นบาท โดยสีส้มหลังคาดำจะอยู่ที่ 8.24 แสนบาทและสีขาวหลังคาดำจะอยู่ที่ 8.29 แสนบาท ซึ่งหากเทียบกับราคาของคู่แข่งแล้ว ก็ถือว่าถูกกว่าอยู่ดี เพียงแต่การปรับราคาในครั้งนี้ จะทำให้ช่องว่างระหว่างราคาเมื่อเทียบกับคู่แข่งลดน้อยลงไปจากเดิมนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม: ซูซูกิ แนะนำ SUZUKI XL7 อัพเกรดอ็อปชันพิเศษ

ออพชั่นแรกคือชาร์จไร้สายแบบความเร็วสูง

มีการเพิ่มออพชั่นขึ้นมาอีก 2 ออพชั่นสำหรับรถรุ่นปรับปรุงล่าสุด อันแรกได้แก่ การติดตั้งที่ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ที่ตำแหน่งช่องเก็บสัมภาระจุกจิกด้านบนที่วางแก้ว ซึ่งซูซูกิก็ใจป้ำให้ที่ชาร์จไร้สายแบบไวมาเลย และมีขนาดใหญ่พอที่จะใส่สมาร์ทโฟนตัวใหญ่มากได้อย่างสบาย ๆ อย่างไรก็ตาม หากต้องการเชื่อมต่อกับหน้าจอก็จำเป็นที่จะต้องเสียบผ่านสายยูเอสบีอยู่ดี และทำให้เราเสียพื้นที่สำหรับการวางของจุกจิกไปด้วยนะ

กล้องด้านหน้า ที่คุมได้ผ่านหน้าจอก็ชอบนะ

นอกจากนี้ ซูซูกิได้เพิ่มออพชั่นกล้องด้านหน้าที่ติดอยู่ด้านหลังกระจกมองหลัง ซึ่งถือว่าเป็นการเลือกรูปทรงและการติดตั้งที่สวยงาม แถมยังเชื่อมการทำงานกับหน้าจอกลาง ทำให้สามารถเปิดดูวีดีโอหรือการเลือกบันทึกหรือหยุดบันทึกจากหน้าจอใหญ่ได้เลย ทำงานได้อย่างสะดวกไม่ต้องไปหาติดที่อื่นเพิ่มอีกแล้ว ที่รู้สึกว่าอยากให้ปรับปรุงก็คงจะเป็นความละเอียดของหน้าจอที่ดูยังไม่คมชัด ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกล้องหรือหน้าจอที่ต้องแก้ไขกันแน่

ขับขึ้นเขาก็ไหวนะ ช่วงล่างเอาอยู่แน่นอน

นอกจากการให้ทดสอบออพชั่นใหม่ ๆ แล้ว ซูซูกิได้หาสื่อมวลชนมาลองวิ่งผ่านทางเขาที่เป็นทางคดโค้ง พร้อมด้วยพื้นผิวหลายรูปแบบ เพื่อทดสอบสมรรถนะของรถกันอย่างเต็มที่ รวมถึงเป็นการโชว์ช่วงล่างยกสูง 200 มิลลิเมตรไปในตัว ซึ่งต้องบอกว่าไม่ติดเลยสำหรับช่วงล่างของรถ ที่นุ่มและมั่นใจได้ในทุกสภาพการขับขี่ เครื่องยนต์อาจจะต้องเรียนรู้จังหวะส่งหรือเลือกใช้เกียร์หน่อย ว่าควรเลือกใช้เกียร์ไหนในแต่ละสถานการณ์ แต่ถ้านั่งเต็ม 7 ที่นั่งขึ้นเขาก็เหนื่อยนะ

อ่านเพิ่มเติม: 2022 Suzuki XL7 สีทูโทน เคาะราคาเพิ่ม 1 หมื่นบาท 

เน้นปรับเอาใจลูกค้า เพิ่มออพชั่นใช้ได้จริง

จริง ๆ การปรับตัวของเอ็กซ์แอล7 ในเวอร์ชั่นล่าสุดก็ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะแทนที่จะไปวิ่งตามคู่แข่ง เน้นออพชั่นขับขี่-ปลอดภัย พวกเขากลับเลือกการเพิ่มออพชั่นที่ทำให้ลูกค้าใช้รถได้อย่างสะดวกสบายและง่ายดายขึ้นแทน และมันใช้งานได้จริง หากมองในมุมของการอำนวยความสะดวกในการใช้งานเป็นหลัก เมื่อเทียบกับค่าตัวที่เพิ่มขึ้นมา ถือว่ามีความคุ้มค่าและยอมรับได้เลย ซึ่งก็ต้องมาดูว่า การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ จะโดนใจลูกค้าหรือไม่

ก็ยังเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจของตลาดเซกเมนต์นี้อยู่ดีล่ะครับ!!!