Denza D9 เพิ่งเปิดตัวในไทยไปไม่นาน ที่จีนก็มีรุ่นพลังไฮบริดเปิดตัวออกมาให้เลือกแล้ว โดยใช้ชื่อว่า Denza D9 DM-i มีความสามารถเดินทางไกลกว่าเดิมเป็น 1,100 กม. โดยไม่ต้องหยุดแวะชาร์จ ส่วนความแตกต่างอื่นๆ สรุปได้ดังนี้
Denza D9 เพิ่งเปิดตัวในไทยไปไม่นาน ที่จีนก็มีรุ่นพลังไฮบริดเปิดตัวออกมาให้เลือกแล้ว โดยใช้ชื่อว่า Denza D9 DM-i มีความสามารถเดินทางไกลกว่าเดิมเป็น 1,100 กม. โดยไม่ต้องหยุดแวะชาร์จ ส่วนความแตกต่างอื่นๆ สรุปได้ดังนี้
ขนาดของ Denza D9 DM-i ปี 2025 ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก โดยมีความยาว ความกว้าง และความสูงอยู่ที่ 5,250 มม. 1,960 มม. และ 1,920 มม. ตามลำดับ กับระยะฐานล้ออยู่ที่ 3,110 มม. ความแตกต่างมีแค่ความสูงของรุ่นใหม่ลดลง 20 มม. โดยรวมแล้วมีการออกแบบภายนอกสอดคล้องกับรูปลักษณ์เดิมของ Denza D9
ภายในคอนโซลกลางของ Denza D9 DM-i ปี 2025 มีหน้าจอ 3 ผืนแยกกัน โดยมีจอภาพลอยตัวขนาดใหญ่ แผงหน้าปัด LCD และหน้าจอสัมผัสเฉพาะผู้โดยสารด้านหน้า ผู้ขับยังมีจอแสดงผลบนกระจกบังลม HUD และมีกระจกมองหลังแบบจอดิจิตอล
ผู้โดยสารแถวที่สองมีเบาะกัปตันแยกอิสระ 2 ตัวพร้อมระบบนวด 16 จุด เพิ่มระบบรองรับน้ำหนักตัว zero-gravity ได้ตู้เย็นขนาด 7.5 ลิตรที่อัพเกรดให้รองรับการทำความเย็นและรักษาความร้อนได้ด้วย
แถวที่ 3 ของรถรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงด้วยฟังก์ชันระบายอากาศ ระบบทำความร้อน และปรับไฟฟ้า การอัปเกรดอีกอย่างหนึ่งคือระบบเสียง Devialet
Denza D9 DM-i รุ่นปี 2025 ใช้ระบบส่งกำลัง DM 5.0 ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จ 1.5 ลิตร ให้กำลัง 154 แรงม้า จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 268 แรงม้า ที่เพลาหน้า ยังมีรุ่น 4WD เพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้า 60 แรงม้า ที่เพลาหลัง ความจุแบตเตอรี่ของ Denza D9 DM-i ปี 2025 อยู่ที่ 39.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทางวิ่ง 190 – 200 กม. CLTC และมีความจุถังน้ำมัน 53 ลิตร ให้ระยะทางรวมกับระบบไฮบริดขับได้ไกล 1,100 กม.
การอัปเกรดอื่นๆ ของ Denza D9 ปี 2025 ได้แก่ ระบบควบคุมแรงสั่นสะเทือนต่อเนื่อง DiSus-C ที่ได้รับการอัปเกรดพร้อมบูชไฮดรอลิกและซับเฟรมทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์ ส่วนราคาขาย 3 รุ่นย่อยมีตั้งแต่ 339,800 – 469,800 หยวน แปลงเป็นเงินไทยได้ 1.58 - 2.19 ล้านบาท