Sharich Holding (ชาริช โฮลดิ้ง) ประกาศเลิกทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์บีวายดี (BYD) ในประเทศไทย ด้วยเหตุผลความไม่ชัดเจนทางการทำตลาด พร้อมยกเลิกการดูแลลูกค้าทั้งหมด หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ขายรถในโครงการรถแท็กซี่วีไอพีไปราว 120 คันในประเทศไทย
อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการผู้จัดการ เครือชาริชโฮลดิ้ง กล่าวว่าการยกเลิกการทำตลาดรถยนต์บีวายดีนั้น มีสาเหตุมาจากความไม่ชัดเจนในการทำตลาดของแบรนด์บีวายดี ส่งผลกระทบต่อแผนงานและการจัดการด้านการทำตลาดสินค้าของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา
"ที่ผ่านมา เราพยายามสร้างแบรนด์บีวายดีให้เป็นที่รู้จัก มีการจัดการเรื่องการให้บริการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ตลาดเติบโตอย่างยั่งยืน แต่นโยบายจากทางบริษัทแม่เองมีความไม่ชัดเจนในเรื่องนี้ ทำให้เราไม่สามารถเดินหน้าธุรกิจดังกล่าวในประเทศไทยได้ และยกเลิกการทำตลาดในช่วงที่ผ่านมา"
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ย้อนอดีต ภาพฝันอันสดใสของรถยนต์ไฟฟ้าจากแดนมังกร
คงไม่เป็นการพูดที่เกินไปนัก หากจะบอกว่าบีวายดีเองนั้น เคยเป็นหนึ่งในแผนงานการบุกตลาดรถยนต์ในประเทศไทยของกลุ่มชาริช โดยพวกเขาได้จัดตั้ง บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ขึ้นมาเพื่อดูแลธุรกิจการจำหน่ายและบำรุงรักษารถยนต์ยี่ห้อนี้โดยเฉพาะ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
เนื่องจากมองว่าเทรนด์ของสินค้านั้นไปในทิศทางเดียวกันกับการเติบโตของตลาดโลก ที่ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพวกเขาก็เริ่มด้วยการส่ง BYD e6 (บีวายดี อี6) รถยนต์ไฟฟ้า 100% เข้าร่วมโครงการแท็กซี่ วีไอพี เพื่อรับลูกค้าจากสนามบินสุวรรณภูมิเป็นโครงการแรก
แผนการเดิมนั้น พวกเขาตั้งเป้าหมายการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้ามากถึงปีละกว่า 1,000 คัน รวมถึงมีแผนที่จะรถรุ่นใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็น BYD T3 (บีวายดี ที3) รถตู้สำหรับธุรกิจขนส่ง รวมไปถึงรถหัวลากสำหรับสนามบิน รวมไปถึงรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ที่จะเปิดตัวตามออกมาในอนาคตตามแผน
ปัญหาที่ผ่านมาก็คือ บีวายดีเองนั้นไม่ได้มองว่าไรเซนเป็นตัวแทนจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทย แต่พวกเขายังรับออเดอร์รถจากใครก็ได้ที่ออเดอร์ไปโดยตรงที่บริษัท หากสามารถชำระเงินได้ตามเงื่อนไข ทางบีวายดีเองก็พร้อมที่จะส่งรถให้ทันที โดยไม่ได้มองเรื่องของบริการหลังการขาย
และก็ขัดกับการทำงานของชาริช โฮลดิ้ง ที่มองว่าการทำตลาดรถยนต์นั้นจะต้องทำให้ครบวงจร ทั้งเรื่องการขายและการดูแลลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อไม่สามารถเจรจาเพื่อหาจุดลงตัวกันได้ ทำให้ชาริชตัดสินใจยกเลิกการทำตลาดและการให้บริการรถยนต์บีวายดีทั้งหมดในประเทศไทย ในช่วงที่ผ่านมา
ธุรกิจอื่น ๆ ในเครือชาริชมีอะไรบ้าง
นอกเหนือไปจากบีวายดีแล้ว ชาริช โฮลดิ้ง เพิ่งเปิดตัวเป็นตัวแทนจำหน่ายเคอนิกเส็กก์ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมการเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่าง เคอนิกเส็กก์ เจเมร่า เมก้า-จีที ราคาประมาณ 110 ล้านบาท และ เคอนิกเส็กก์ เจ็ทโก แอบโซลุท ที่หากขายจะมีราคาที่ 350 ล้านบาท
พวกเขายังเป็นตัวแทนจำหน่ายของลัมโบร์กินี ที่มียอดการเติบโตที่น่าพอใจเหมือนกัน โดยในปีนี้ รถยนต์ตรากระทิงดุมียอดจดทะเบียนในช่วง 9 เดือนแรกไปแล้วกว่า 40 คัน เทียบเท่ากับยอดจำหน่ายทั้งปีของปี 2562 แม้จะยังไม่มีสินค้าใหม่อะไรเปิดตัวมากนักในช่วงที่ผ่านมาของปี
ขณะที่ธุรกิจรถจักรยานยนต์นั้น ดูคาติมียอดจำหน่ายที่ไม่ดีมาก เป็นไปตามภาวะการหดตัวของตลาดบิ๊กไบค์กว่า 30% ในปีนี้ ขณะที่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอย่างนิว ก็กำลังเริ่มโครงการศึกษากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตและปตท. รวมไปถึงธุรกิจอื่น ๆ ในเครือ ก็ยังสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างน่าพอใจ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });