การออกแบบรถยนต์มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ดีไซเนอร์มักหา “เทรนด์” หรือกระแสที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันและคาดว่าจะฮอตฮิตอยู่ในตลาดในอีกหลายปีข้างหน้า
การหากระแสดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากการวิจัยตลาดเพื่อหาความต้องการของผู้บริโภค จึงไม่น่าแปลกใจว่าหลายค่ายรถมักได้ผลลัพธ์คล้ายกัน นำมาซึ่งการออกแบบรถยนต์ทั้งภายนอกและภายในที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างล่าสุด ไฟหน้าแบบแยกส่วนกำลังมาแรงอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มรถพรีเมียม
ล่าสุดคือ BMW X7 และ 7-Series ที่ไม่เพียงเรียกเสียงฮือฮาจากกระจังหน้าโอเวอร์ไซส์ แต่ยังมีไฟแยกส่วนที่ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ตามมาทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ไฟหน้าแยกส่วนมีดีอย่างไร
หากพูดถึงไฟหน้าแยกส่วนหรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า split headlight เรากำลังพูดถึงการแยกไฟส่องสว่างดวงหลัก ไฟสูง และไฟเดย์ไลท์ออกจากกันเป็นสองส่วน โดยไม่นับรวมไฟเลี้ยวและไฟตัดหมอก
หลายค่ายรถนิยมออกแบบไฟเดย์ไลท์ไว้บนสุดบนขอบฝากระโปรง ส่วนไฟส่องสว่างดวงหลักจะอยู่ต่ำลงมา คั่นกลางด้วยพื้นผิวตัวถังที่เชื่อมต่อไปถึงกระจังหน้าหรือกันชน
จริง ๆ แล้วไฟแยกส่วนเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ รถครอสโอเวอร์อย่าง Fiat Multipla เคยใช้มาแล้วตั้งแต่ปี 1998 ขณะที่ Nissan Juke เจนเนอเรชั่นแรกก็สร้างความแปลกตาด้วยไฟตัดหมอกดวงโตที่ติดตั้งในตำแหน่งสูง ส่วนไฟหลักวางพาดบนฝากระโปรงเลยทีเดียว แต่จะเห็นได้ว่าดีไซน์ที่ฉีกกรอบเช่นนี้ยังไม่ได้รับความนิยมมากนักในช่วงทศวรรษที่แล้ว
ปัจจุบัน หลายค่ายรถหันมาใช้การออกแบบไฟหน้าแยกส่วนมากขึ้น อย่างรถยนต์หลายรุ่นของ Hyundai, Nissan และ Audi รวมถึงล่าสุดอย่าง BMW คำถามคือไฟหน้าแบบนี้มีประโยชน์อย่างไร? คำตอบไม่ได้มีเพียงข้อเดียว
ความนิยมในรถอเนกประสงค์เอสยูวีและมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่มีความเข้มงวดมากขึ้น ทำให้มิติตัวถังมีขนาดใหญ่ขึ้น ตัวรถสูงขึ้น อวบอ้วนยิ่งขึ้น และมีพื้นที่ว่างมากกว่าเดิม ดังนั้น การจัดวางตำแหน่งกรอบไฟหน้ามีความสำคัญมากเพราะจะช่วยทำให้ตัวรถดูกว้างและเปิดโอกาสให้ดีไซเนอร์สามารถสร้างความหลากหลายในงานออกแบบได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการออกแบบไฟหน้าสองชั้น หากทำได้ดีจะช่วยให้ตัวรถมีความสปอร์ต สดใหม่ และน่าค้นหามากขึ้น ไฟเดย์ไลท์ที่เกือบทั้งหมดมีดีไซน์เรียวบาง เมื่อติดตั้งอยู่ด้านบนสุดยังช่วยทำให้ลุคของตัวรถมีความดุดัน ทำให้รถอเนกประสงค์สำหรับลูกค้ากลุ่มครอบครัวดูไม่น่าเบื่อเหมือนที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ไฟหน้าแยกส่วนยังเป็น “เทรนด์” ใหม่ที่ช่วยให้ตัวรถมีความทันสมัย สายตาผู้มองเห็นมักสบเข้ากับไฟดวงบนสุดซึ่งก็คือเดย์ไลท์เป็นอันดับแรก คาดว่าการออกแบบเช่นนี้จะอยู่ในกระแสต่อปีอีกหลายปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ไม่ชอบไฟหน้าแยกส่วนแบบนี้ก็ยังมีอีกหลายตัวเลือกในท้องตลาด อย่าง BMW 7-Series หากไม่ถูกใจก็สามารถหันไปหางานออกแบบที่ “อนุรักษ์” กว่าอย่าง Mercedes-Benz EQS ได้เลย
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });