แน่นอนครับว่าทั้งสองบริษัทได้ผ่านการวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว โดยเป้าหมายของการควบรวมครั้งนี้ CEO ของทาง Fiat Chrysler นาย Mike Manley ได้ระบุว่า เนื่องมาจากความต้องการในการลดค่าใช้จ่ายของบริษัท
Fiat ไม่ได้เผยโฉมแพลตฟอร์มของรถยนต์ที่ใหม่จริง ๆ มาตั้งแต่ปี 2015 และ Chrysler ในปี 2019 และตั้งแต่ CEO ผู้ซึ่งช่วยกู้ภาพลักษณ์กลับมาอย่าง Sergio Marchionne เสียชีวิตไปในปี 2018 บริษัทก็แทบไม่มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวอะไรน่าตื่นเต้นมาเลยจนกระทั่งข่าวการร่วมตัวกับ PSA Group ในปี 2020 ที่ผ่านมา
ถ้าหาก PSA จะกลับมากู้ชื่อและสถานะทางการเงินของ Fiat Chrysler ให้กลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง ก็นับได้ว่าเป็นงานมหาโหดเมื่อเทียบกับเมื่อครั้งพวกเขากู้ Opel Vauxhall กลับออกมาจากความตาย
มีตัวอย่างจากอดีตของเรื่องที่คล้าย ๆ กันไหม?
แน่นอนครับ บอริสมีมาเล่าให้ท่านฟังแน่นอนครับ
เมื่อปี 1968 สองบริษัทผลิตรถยนต์ในอังกฤษ ชื่อ British Motor Holdings เจ้าของบริษัท Morris Mini Austin และ Jaguar กับ Leyland Motor Corp เจ้าของบริษัท Rover MG และ Standard-Triumph ได้รวมตัวกันจนกลายมาเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่อันดับที่ 4 ของโลกในขณะนั้น นามว่า British Leyland
เป้าประสงค์ของการก่อตั้ง British Leyland ก็คือเพื่อลดต้นทุนในการพัฒนาของทั้งสองบริษัท และพัฒนารถของบริษัท British Motor Holdings ให้ทันสมัยมากขึ้น เพราะได้ชื่อว่า ล้าสมัย ขายนานเกินไป ในขณะที่บริษัท Leyland Motor Corp มีเทคโนโลยีล้ำสมัยใหม่ ๆ หลายชิ้น กำลังไปได้สวยเลยทีเดียว
คุ้น ๆ ไหมครับ? พล็อตแบบนี้
แต่เนื่องจากการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งเราจะยังไม่เล่าให้ฟังในที่แห่งนี้ บริษัทรถยนต์ต่าง ๆ ของอังกฤษ ในปัจจุบัน ก็ได้กลายเป็นบริษัทลูกของต่างชาติเสียหมด เช่น Mini (มินิ) กลายเป็นของ BMW (บีเอ็มดับเบิ้ลยู) ประเทศเยอรมันนี Jaguar (จากัวร์) กลายเป็นของ Tata ประเทศอินเดีย และ MG กลายเป็นของ SAIC Motor ประเทศจีน ส่วนที่เหลือเจ๊งหายกันไปเกือบหมดเป็นที่เรียบร้อยครับ