รถยนต์ไฟฟ้ามีคุณสมบัติหนึ่งที่รถเครื่องยนต์สันดาปไม่สามารถเทียบเคียงได้ นั่นก็คือ การที่อีวีสามารถยังทำงานได้ในสภาพแวดล้อมที่ออกซิเจนต่ำหรือไม่มีออกซิเจนได้ Tesla (เทสล่า) จึงใช้ประโยชน์จากข้อดีเหล่านี้ในการพารถของค่ายขึ้นไปยัง Base Camp ของยอดเขา Everest
- ทดสอบเส้นทางใหม่
- ออกจากสถานี Supercharger เพื่อไป Base Camp
- Camp Mode ช่วยได้
- ทำไมรถน้ำมันถึงขับแบบนี้ไม่ได้
ทดสอบเส้นทางใหม่
Trensen Chongqing บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวจากจีน ตอบรับการท้าทายในครั้งนี้แม้เพื่อนและครอบครัวของเขาจะคิดว่าสิ่งนี้จะเป็นไปไม่ได้ โดยเขาต้องการที่จะลองใช้งานเส้นทาง Tesla 318 Supercharger Route เส้นทางสถานีชาร์จใหม่ของเทสล่า ซึ่งอยู่บริเวณทางหลวงที่ยาวกว่า 5,476 กม.ที่ผ่านเซี่ยงไฮ้ตะวันออกไปยังเมือง Lhasa ในทิเบตด้านตะวันตกเฉียงใต้
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ออกจากสถานี Supercharger เพื่อไป Base Camp
Trensen ต้องการไปไกลกว่า Lhasa เพื่อไปยังภูเขาเอเวอร์เรสต์ ในที่ ๆ ชื่อว่า Qomolangma (ภาษาทิเบตแปลว่า “แม่พระแห่งโลก”) เขาได้ขับไปตามทางหลวงในเมืองเฉิงตูและขับไปยังเส้นทางที่ไปยัง Base Camp ของภูเขาเอเวอร์เรสต์ในระยะทาง 2,350 กม. ซึ่งหากจินตนาการตามเส้นทางจะพบว่า หลังจากผ่าน Lhasa ไปแล้ว จะไม่มีทางหลวงและสถานี Supercharger ต่อจากนี้ เพื่อน ๆ ของเขาจึงคิดว่า Trensen อาจจะไปไม่ถึง
ชวนเพื่อนไปด้วยอีกคัน
เขาสารภาพในวิดีโอของ Tesla China ว่า “ทุกคนคิดว่าฉันกำลังจะเสียสติ” โดย Trensen รู้ดีว่าสิ่งนี้จะไม่ง่าย ถนนของเทือกเขาหิมาลัยนั้นคดเคี้ยวและบางครั้งก็น่ากลัว อะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่บล็อกเกอร์คนนี้ก็ยังมั่นใจที่จะทำให้สำเร็จ และยังชวนให้เพื่อนขับรถ Tesla ไปกับเขาอีกคัน โดยมีทั้ง Model X และ Model Y อย่างละหนึ่งคัน เพื่อไปยังจุดสูงที่สุดของโลก ที่ความสูง 5,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล
Camp Mode ช่วยได้
Trensen Chongqing และเพื่อนของเขาเดินทางเสร็จสิ้นภายในห้าวัน ซึงเป็นการเอาชนะความท้าทายทั้งหมดบนเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ โดยพวกเขาต้องฝ่าฟันดินถล่มบริเวณแม่น้ำจินซา การจราจรติดขัด และการผ่านถนนที่น่ากลัวที่รถจะอยู่ที่ขอบหน้าผา พวกเขาต้องนอนกันในรถ ซึ่งเหมาะมากกับ Camp Mode ของ Tesla ซึ่งช่วยป้องกันพวกเขาจากอุณหภูมิภายนอกเพียง 4.5 องศาเซลเซียส
อ่านเพิ่มเติม : Tesla เปิดตัว Range Extender เพิ่มระยะขับขี่จากโซลาร์เซลล์สำหรับสายแคมป์ปิ้ง
ทำไมรถน้ำมันถึงขับในสภาพอากาศแบบนี้ไม่ได้?
รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศที่มีออกซิเจนต่ำบนภูเขา ดังนั้นสมรรถนะของ Tesla จึงไม่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศเช่นนี้ ซึ่งต่างกันกับรถเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป
Trensen อธิบายว่า “บนที่สูง รถที่ใช้เชื้อเพลิงจะประสบปัญหาการเผาไหม้ที่ไม่เพียงพอ แต่รถยนต์ไฟฟ้าจะไม่เป็นเช่นนั้น”
“ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง Mount Qomolangma Base Camp ด้วย Tesla สองคัน รถยนต์ไฟฟ้าสามารถขับทางไกลและสามารถไปได้ไกลในที่ ๆ รถเครื่องยนต์สันดาปไม่สามารถไปถึงได้ เช่นที่นี่ ที่ใต้ยอดเขา Qomolangma”
อ่านเพิ่มเติม : Tesla จดทะเบียนบริษัทในไทย
ในวันนี้ หลายคนยังคงเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่เหมาะกับการเดินทางไกล ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เรื่องราวของความเป็นไปได้เหล่านี้ก็เริ่มเพิ่มขึ้นและผู้คนจะเริ่มมีการรับรู้ที่เปลี่ยนไป
สามารถรับชมวิดิโอการเดินทางครั้งนั้นได้ที่ด้านล่างนี้
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });