หลังจากภายในงาน Tesla AI Day ที่มีการประกาศเทคโนโลยีใหม่ต่าง ๆ รวมถึงทิศทางของบริษัทในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร
ยังมีเบาะแสเกี่ยวกับการผลักดันยานยนต์อัตโนมัติ คือความเป็นไปได้ที่เทคโนโลยี Full Self-Driving (FSD) หรือเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยตัวเองของ Tesla (เทสล่า) อาจได้รับอนุญาตให้ใช้กับแบรนด์อื่นได้
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ก็อาจเป็นไปได้
ในวันงาน AI Day มีสื่อหนึ่งสอบถาม Elon Musk ว่าเทสล่ามีแนวคิดอย่างไรเกี่ยวกับการทำให้ซอฟท์แวร์ Full Self Driving นั้นสามารถเข้าถึงได้โดยทุกคน โดยเขาตอบว่า
“โดยพื้นฐานแล้วมันมีราคาแพงมากในการสร้างระบบ ดังนั้นจึงต้องเสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นแต่คนอยากทำงานฟรีแหละนะ แต่ผมคิดว่า ถ้าบริษัทรถยนต์อื่น ๆ ต้องการลงใบอนุญาตและใช้ในรถยนต์ของพวกเขา ก็คงจะดี สิ่งนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับรถยนต์เทสลาเท่านั้น”
ประโยชน์ที่จะได้
โดยรวมแล้ว ประโยชน์ที่ค่ายรถยนต์อื่นจะได้ก็คือสามารถลดค่าใช้จ่ายในการค้นคว้าและพัฒนาระบบช่วยการขับขี่ หรือมีความเป็นไปได้ว่าในอนาคต จะมีรถยนต์ที่มีระบบช่วยเหลือการขับขี่มากขึ้น
พร้อมแล้วหรือ?
จริง ๆ หากทุกท่ารู้จักเทสล่ากันดี มักจะได้เห็นข่าวไม่ดีเกี่ยวกับค่ายนี้อยู่บ่อย ๆ ในต่างประเทศ ทั้งการที่เบรคไม่ทำงานในประเทศจีน หรืออุบัติเหตุขณะอยู่ในโหมด Autopilot จนจะถึงขั้นมีคดีกันแล้ว
โดยสำนักงานความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาหรือ NHTSA ได้รับรายงานว่าได้มีการชนกับรถของทางหลวงที่จอดอยู่มากถึง 11 ครั้ง ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ 17 รายและเสียชีวิต 1 รายตั้งแต่ปี 2018 รถของ Tesla ทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ในโหมด Autopilot
แม้ว่าจะชื่อ Autopilot แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ขับขี่เองแบบชื่อแต่อย่างใด แต่เป็นระบบ Adaptive Cruise Control ที่มีระบบช่วยในการควบคุมพวงมาลัย
โดยระบบ Autopilot จะใช้กล้องนอกรถ 8 ตัว, เรดาร์, เซ็นเซอร์ 12 ตัวและคอมพิวเตอร์สำหรับการทำงานเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและแนะนำผู้ขับขณะเดินทาง
ประกอบด้วยการทำงานของ Traffic-Aware Cruise Control ซึ่งควบคุมความเร็วของรถตามลักษณะของการจราจรโดยรอบ และ Autosteer ซึ่งช่วยควบคุมรถในเลน
แต่ก็ยังมีข้อจำกัดคือในเวลากลางคืนเมื่อ Tesla พบกับไฟรถยนต์, ป้ายลูกศร และกรวยบนถนน อาจทำให้ระบบนั้นเพี้ยนได้ รวมถึงคันขับหากหลับขณะขับขี่ ก็จะเกิดอันตรายได้เช่นกัน
ต้องติดตามต่อไปว่า การให้"ยืม"เทคโนโลยีของ Tesla จะออกมาในรูปแบบใด จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และจะแก้ไขความไม่พร้อมของระบบอย่างไร เพราะแม้แต่เจ้าของอย่างอีลอนเองก็ยอมรับว่าตัวรถบริษัทเขานั้นมีปัญหา
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });