จำนวนรถปี 2567 ในไทย แบ่งตามประเภทเชื้อเพลิง เผยสถิติรถน้ำมันยังครอง ไฮบริดเติบโต และ EV ก้าวกระโดด

Mr.Argus
Mr.Argus · 2025-02-27 17:13:25

ยอดจดทะเบียนรถสะสมในไทยประจำปี 2567 เทียบกับปีก่อนๆ แบ่งตามประเภทเชื้อเพลิงเป็น เบนซิน ดีเซล แก๊ส ไฮบริด ไฟฟ้าและอื่นๆ พบว่ามีความเปลี่ยนแปลงในหลายส่วน อ้างอิงข้อมูลจากกรมขนส่งทางบก เป็นจำนวนรถสะสมตั้งแต่ปีก่อนหน้ามารวมกับ พร้อมสรุปความเปลี่ยนแปลงเอาไว้เป็นเปอเซ็นต์ได้ดังนี้

จำนวนรถในไทย ตามประเภทเชื้อเพลิง

เชื้อเพลิง

จำนวนรถปี 2566

จำนวนรถปี 2567

ความเปลี่ยนแปลง

เบนซิน

29,957,176

30,232,239

+0.92%

ดีเซล

12,625,181

12,745,074

+0.95%

แก๊ส LPG

559,375

534,758

-4.40%

แก๊ส CNG

274,159

244,285

-10.90%

ไฮบริด

376,116

507,966

+35.06%

ไฟฟ้าล้วน

99,472

206,650

+107.75%

เครื่องสันดาปคงที่

เมื่อดูจากสถิติแล้ว พบว่ารถยนต์เครื่องสันดาปทั้งแบบเบนซินและดีเซลล้วน มีอัตราเติบโตเกือบคงที่ ขณะที่รถแก๊สได้รับความนิยมลดลงไป ไม่มีจำนวนรถใหม่เข้ามาจดทะเบียน เป็นเพราะค่าน้ำมันแพง และมีพลังทางเลือกใหม่ที่มาจกไฮบริดและไฟฟ้า ทำให้ไม่ต้องนำรถเก่าไปดัดแปลง

รถยนต์ไฮบริดและไฟฟ้ามีอัตราการเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา เนืองจากการทุบตลาดของรถจีน การเอื้อภาษีให้กับ EV โดยเฉพาะ อีกทั้งความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ของรถไฮบริดที่มีให้เลือกซื้อมากขึ้น ทั้งการเพิ่มรุ่นย่อยไฮบริดใหม่ หรือการเปิดตัวรถใหม่ทั้งหมด

การเพิ่มขึ้นของรถพลังงานทางเลือกนี้ สื่อถึงความต้องการประหยัดค่าเชื้อเพลิง และความไว้ใจในระบบไฟฟ้ามากขึ้น โดยในปีนี้ยังมีรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริดเปิดตัวใหม่เพิ่มอีก คาดว่ากลุ่มรถ xEV ขับด้วยมอเตอร์ทั้ง 2 แบบนี้ จะยังเติบโตขึ้นอีกต่อไปในปี 2568 นี้

อ่านเพิ่มเติม : เผยสถิติคนไทยส่วนใหญ่ใช้รถนานสุด 15 ปี คนซื้อรถใหม่น้อยสุด ทะยอยซ่อมใช้รถเก่ามากกว่า

Mr.Argus

Mr.Argus นักเขียน

คุณกัส ผู้จำชื่อรถได้หมดตั้งแต่เด็ก ขับรถเป็นตั้งแต่มัธยม ซ่อมรถใช้เองตอนปริญญาตรี สะสมรถคลาสสิคและรถหายาก ทำงานเรื่องรถมานาน 5 ปี ผ่านการอบรมขับขี่ปลอดภัยจาก Sach มีรถทดสอบผ่านมือมาตั้งแต่รถกระบะ รถเก๋ง จนถึงรถสปอร์ต งานอดิเรกก็แค่ซ่อมรถสะสมที่มีอยู่ ติดตามชีวิตคนบ้ารถได้ที่กลุ่ม https://www.facebook.com/groups/97434297973776

Toyota
Honda
Nissan
Mitsubishi
Mazda
Suzuki
Isuzu
Ford
Mercedes-Benz
BMW
Aston Martin
Audi