รถคลาสสิคที่ควรซื้อในปี 2022 เพราะราคาตกต่ำถึงขีดสุด รีบช้อนซื้อก่อนราคาพุ่งในปีหน้า

รายชื่อแนะนำรถคลาสสิคที่ควรซื้อ โดยบริษัทประกันภัยรถยนต์คลาสสิคชื่อดัง Hagerty และรถ 10 รุ่นนี้ไม่ใช่รถใหม่ที่จะกลายเป็นรถคลาสสิกในอนาคต หรือรถเก่าที่มีมูลค่าสูงสุดแล้ว แต่เป็นรถยนต์รุ่นเก่าที่เกือบจะถึงจุดต่ำสุดของค่าเสื่อมราคา และคาดว่าจะดึงดูดความสนใจจากนักสะสมในอนาคต รายชื่อรถปีนี้มีความหลากหลาย ตั้งแต่ Ferrari จนถึง Suzuki อยู่ในรายการเดียวกัน โดยไม่มีแบ่งแยกความนิยมหรือแบ่งตามมูลค่าใด ๆ และนี่คือรถยนต์ 10 อันดับแรกของ Hagerty ที่ควรจะซื้อในปี 2022 

1965-1970 Cadillac DeVille

Cadillac DeVille (คาดิลแลค เดอวิลล์) นักสะสมในอดีตมักมองข้ามโฉมนี้ของคาดิลแลค เพราะชอบรถรุ่นก่อนยุค 50 ที่มีครีบหางปลาบนขอบท้ายมากกว่า แต่สำนักประกันภัยรถยนต์ Hagerty อ้างว่ากระแสกำลังเปลี่ยนไป เพราะมูลค่าเฉลี่ยของ DeVilles โฉมท้ายแบนนี้เพิ่มขึ้น 14% ระหว่างปี 2020 - 2021ตามข้อมูลของผู้ประกัน ราคามือสองปัจจุบันอยู่ที่ 28,000 ดอลลาร์ (เทียบเท่ารถ Toyota Camry ป้ายแดงในสหรัฐอเมริกา) สำหรับรถแคดิลแลคในสภาพ "ยอดเยี่ยม" นับว่ามีราคาไม่แพงนัก แม้ว่าคุณจะต้องใช้เงินเติมน้ำมันจำนวนมาก

1969-1974 Ferrari 246 Dino

246 Dino ตั้งชื่อตามอัลเฟรโด "ดีโน" เฟอร์รารี ลูกชายของเอ็นโซ เฟอร์รารี ดีโน ไม่ได้ติดโลโก้ม้าลำพองบนรถ นั่นเป็นเพราะมันแยกตัวออกจากเฟอร์รารีในปี 1960 มันถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการให้เกียรติถึง Dino ผู้ที่เสียชีวิตในปี 1956 รถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ V-6 ตามขวางด้านหลังคนขับซึ่งกำลังเป็นขนาดเครื่องเป็นที่นิยมในปัจจุบัน Ferrari 246 Dino สร้างขึ้นเพียง 3,761 ตัว ทั้งรูปแบบตัวรถ GT หลังคาแข็งและ GTS หลังคา Targa ราคามือสองเฉลี่ย 365,800 ดอลลาร์อาจจะดูแพง แต่ Hagerty อ้างอิงจากที่ลูกค้าเคยประมูลกับเฟอร์รารีโบราณรุ่นอื่น ๆ เป็นส่วนใหญ่เท่านั้น

1983-1997 Land Rover Defender

Land Rover Defender (แลนด์โรเวอร์ ดีเฟนเดอร์) แม้จะมีเวอร์ชันใหม่ในการผลิต แต่รุ่นดั้งเดิมยังคงได้รับความนิยม ด้วยการออกแบบที่เรียบง่ายและทนทาน เฉพาะโมเดลของอเมริกาเหนือนั้นค่อนข้างหายากเช่นกัน เนื่องจากในขณะที่การผลิต Defender ของสหราชอาณาจักรยังคงมีอยู่จนถึงปี 2016 ยอดขายในสหรัฐฯ สิ้นสุดลงในปี 1997 โมเดลอเมริกาดั้งเดิมสามารถมีราคาถึงหลักแสนได้ในปัจจุบัน แต่ก็สามารถนำเข้ารุ่นเก่าได้ภายใต้กฎอนุญาตนำเข้ารถ 25 ปี โดยมีมูลค่าเฉลี่ย 61,400 ดอลลาร์ตามข้อมูลของ Hagerty

1979-1985 Mazda RX-7

Mazda RX-7 รุ่นแรก FB เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์ 12A โรตารี่ขนาด 1.1 ลิตร ที่ให้กำลัง 100 แรงม้า และสามารถเร่งรอบได้ 7,000 รอบต่อนาที ต่อมา RX-7 ได้ใช้เครื่องยนต์ 13B ขนาด 1.3 ลิตรแบบฉีดเชื้อเพลิง ซึ่งเพิ่มกำลังเป็น 135 แรงม้า นั่นยังคงหมายถึง 0-96 กม./ชม.ในเวลาประมาณ 8.0 วินาที ด้วยลักษณะการหมุนรอบสูงของโรตารี แลการกระจายน้ำหนัก 50/50 ทำให้รถรุ่นนี้มีลักษณะเด่นเฉพาะตัวมากมาย แม้จะมีปัญหาเรื่องสนิม แต่ปริมาณการผลิตจำนวนมาก (มากกว่า 377,000 คันในสหรัฐฯ) หมายความว่ายังคงเป็นไปได้ที่จะเลือกซื้อคันดี ๆ ในราคาเพียง 17,600 ดอลลาร์ตามการประเมินของ Hagerty

1963-1967 Mercedes-Benz 230SL

Mercedes-Benz 230SL (เมอร์เซเดส-เบนซ์ 230SL) รหัสตัวถัง W113 โฉมหลังคาเจดีย์ Pagoda ขายได้เกือบ 50,000 คันในอเมริการะหว่างปี 1963 - 1971 มีทั้งรุ่น 250SL และ 280SL ต่อมาที่มีเครื่องยนต์ที่ทรงพลังกว่า แต่ 230SL รุ่นก่อนหน้านั้นคุ้มค่าที่สุด เพราะเครื่องยนต์อินไลน์-6 ขนาด 2.3 ลิตร ให้กำลัง 170 แรงม้า ด้วยราคาเฉลี่ย 80,500 ดอลลาร์ กับรถสภาพที่ดีเยี่ยม

อ่านเพิ่มเติม : เผยมูลค่า “Super Mercedes” ของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ หลังเปลี่ยนมือเจ้าของล่าสุด

1966-1967 Pontiac GTO

Pontiac GTO (ปอนเตี๊ยก จีทีโอ) รุ่นแรกปี 1964 ถือเป็นรถที่เปิดตัวเทรนด์รถมัสเซิล แต่รุ่นต่อจากปี 1966 ได้เปิดตัวรุ่นที่โด่งดังยิ่งขึ้นไปอีก ปีนั้นเป็นปีสุดท้ายสำหรับ V-8 ดั้งเดิมของ GTO ที่มีคาร์บูเรเตอร์ 3 ลูก "Tri-Power" ส่วนรุ่นปี 1967 มีเครื่อง V-8 ขนาด 400 ลูกบาศก์เมตรพร้อมคาร์บูเรเตอร์ 4 ลูกที่แรงกว่า ปัจจุบันมีราคามือสอง 100,200 เหรียญสหรัฐ ยังคงทรงตัว แต่อาจจะไม่นิ่งอยู่นาน มีแนวโน้มขึ้นในเร็ววัน

อ่านเพิ่มเติม : ส่องรถแรงสุดเฟี้ยว ก่อนเลี้ยวไปดู Fast & Furious 9 

1992-1995 Porsche 968

968 เป็นรูปแบบสุดท้ายของ Porsche (ปอร์เช่) รุ่น 924 และ 944 ใช้แพลตฟอร์มพื้นฐานเดียวกัน โดยแนะนำโฉมไมเนอร์เชนจ์สำหรับปี 1990 เปลี่ยนไฟหน้าแบบเปิดโล่ง ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเรียงขนาด 3.0 ลิตร 236 แรงม้า ที่สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.ในเวลา 5.9 วินาที รุ่น 968 ถือว่าค่อนข้างลากขายอยู่นาน จนกระทั่งการผลิตสิ้นสุดลงในปี 1995 ขายได้เพียง 12,776 คันเท่านั้น นั่นทำให้มันหายากในวันนี้ โดยราคาเฉลี่ยเป็น 38,000 ดอลลาร์ในปัจจุบัน

อ่านเพิ่มเติม : 5 รถยนต์สุดประหลาดจาก Porsche ที่คุณอาจจะไม่เคยรู้ว่ามีอยู่กับเขาด้วย

1985-1995 Suzuki Caribian

Suzuki Caribian (ซูซูกิ แคริบเบียน) หรือขายในอเมริกาชื่อ Samurai ในสมัยออกใหม่ได้รับชื่อเสียงที่โชคร้ายจากการเสี่ยงต่อการคว่ำ ต่อมาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง แต่วันนี้ผู้ชื่นชอบในความสามารถแบบออฟโรดก็สามารถซื้อมาชื่นชมได้ง่าย หลายคนบอกว่าเป็นผลไม้ต้องห้าม เพราะเป็นรถที่น่าขับ จากการยกสูงขนาดสั้น แต่เมื่อขับจริงแล้วจะพบว่ามีความแข็งกระด้าง ราคามือสองเฉลี่ยยังคงต่ำอยู่ที่ 10,200 ดอลลาร์ แต่รถสภาพที่ดีนั้นหายากมาก

อ่านเพิ่มเติม : จับ Suzuki Jimny มาแต่งหล่อด้วย Liberty Walk ในชุด G-Mini

2008-2012 Tesla Roadster

Tesla Roadster (เทสลา โรดสเตอร์) นี่คือรถประวัติศาสตร์ในฐานะรุ่นที่เปิดตัวบริษัทเทสลา รถสปอร์ตที่ใช้พื้นฐานจาก Lotus Elise แต่ใช้พลังไฟฟ้าล้วนให้กำลัง 248 แรงม้า ทำให้สามารถทำความเร็วได้ 0-96 กม./ชม.ในเวลา 3.7 วินาที รุ่นย่อย Sport นั้นเร็วกว่า Roadster รุ่นก่อน ๆ และมีการแก้ไขจุดบกพร่องของรถยนต์ยุคแรก ๆ ไปแล้ว ราคาตอนออกใหม่นั้นอยู่ที่ 130,450 ดอลล่าร์ ปัจจุบันนี้ราคามือสองเฉลี่ยสำหรับรถสภาพที่ดีเยี่ยม เริ่มต้นที่ 97,000 ดอลลาร์

อ่านเพิ่มเติม : 2022 Tesla Roadster เร่ง 0-96 กม./ชม.ใน 1.1 วินาทีได้ยังไง มัสก์ชี้คนมีโรคประจำตัวห้ามนั่ง

1975-1993 Volvo 245

Volvo 245 (วอลโว่ 245) นี่คือสิ่งที่เน้นย้ำถึงคุณภาพและประโยชน์ใช้สอย ที่เหนือกว่ากำลังและความเร็ว นั่นทำให้รถรุ่นนี้ได้รับความสนใจจากนักสะสม แม้ว่าจะเป็นรถใช้งานบ้าน ๆ ถูกใช้และทิ้งไปเฉย ๆ แต่ยังมีราคามือสองประมาณ 15,000 เหรียญสหรัฐ และบริษัทประกัน Hagerty กล่าวว่ารถสภาพที่ดียังค่อนข้างหาได้ง่ายสำหรับตอนนี้

สำหรับในประเทศไทย รถอเมริกันมือสองนั้นหายากมาก ส่วนรถสปอร์ตยุโรปก็มีราคาสูงเกินเอื้อมสำหรับคนทั่วไป ดังนั้นจังมีแค่ตัวเลือกเป็นรถแวนยุโรป กับรถสปอร์ตญี่ปุ่น ที่ยังมีให้เลือกหลายรุ่น ไม่จำกัดว่าต้องเป็นรุ่นใดรุ่นหนึ่ง เน้นสภาพรถสวยเป็นหลักไว้ก่อน และราคาหมาะสม เมื่อเทียบกับบรรดารถคลาสสิคด้วยกัน

อ่านเพิ่มเติม : 5 รุ่นรถตายยาก ทนทานที่สุดบนท้องถนนเมืองไทย เก่า 30 ปี ก็ยังวิ่งอยู่เพียบ