Toyota Motors Corporation (โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น) ประกาศความสำเร็จในการจำหน่ายรถยนต์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ด้วยการคว้าแชมป์ยอดจำหน่ายสูงสุด โดยมียอดจำหน่ายรถยนต์รวมกับบริษัทในเครืออย่าง Daihatsu (ไดฮัทสุ) และ Hino (ฮีโน่) ที่ 4.16 ล้านคัน ปรับตัวลดลงไป 21.6%
แม้ว่ายอดจำหน่ายดังกล่าวจะลดลงไปมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อันสืบเนื่องมาจากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้โตโยต้านั้น สามารถผงาดขึ้นเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์โลกเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี เนื่องจากคู่แข่งทุกรายนั้นหดตัวอย่างรุนแรงมากกว่า
แชมป์เก่าอย่าง Volkswagen AG (โฟล์คสวาเกน เอจี) นั้น ทำยอดจำหน่ายไปได้ 3.89 ล้านคันในช่วงเวลาดังกล่าว หดตัวไปมากถึง 27.4% ในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่พันธมิตร Nissan-Renault-Mitsubishi (นิสสัน-เรโนลต์-มิตซูบิชิ) ที่แม้จะมีปัญหามากมาย ก็ทำยอดขายได้ที่ 3.45 ล้านคัน หดตัว 33.7% ตามมาเป็นที่ 3
การเติบโตที่ดีขึ้นตามลำดับของโตโยต้า
ในแถลงการณ์นั้น โตโยต้าระบุว่าพวกเขากำลังเติบโตดีขึ้นตามลำดับ และมีการคาดการณ์ว่าผลประกอบการในภาพรวมของพวกเขานั้นจะกลับสู่ภาวะปกติในช่วงต้นปี 2564 โดยโตโยต้ามีกำลังการผลิตที่ลดลง 28.6% เหลือที่ 3.31 ล้านคันเท่านั้น ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เทียบกับยอดผลิตในปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีข่าวดีเหมือนกัน เมื่ออดจำหน่ายรถยนต์ในเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว พบว่ามียอดจำหน่ายรวมที่ 706,555 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้าเพียง 16% เท่านั้น และมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดจีนเป็นตลาดที่มียอดจำหน่ายเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมาต่อเนื่องกัน 3 เดือนแล้ว
ยอดจำหน่ายในตลาดยุโรปที่หดตัวกว่า 11.5% ในช่วงที่ผ่านมา เริ่มกลับมามียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะที่ยอดจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ก็เริ่มกลับมามีการหดตัวที่ลดลงเหลือ 22.7% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งหากเมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายที่หายไป 31% ระหว่างเมษายน-มิถุนายน ถือว่าปรับตัวดีขึ้น
ยอดผลิตเริ่มฟื้น เลกซัส-ราฟโฟร์ ขายดีจัด
ไม่ใช่แค่ยอดจำหน่ายที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ยอดการผลิตรถยนต์ทั่วโลกของโตโยต้าก็ปรับตัวขึ้นมาเช่นเดียวกัน โดยในเดือนมิถุนายน ยอดการผลิตทั่วโลกลดลงเพียง 24% เท่านั้น เมื่อเทียบกับการหดตัว 50.8% ในเดือนเมษายนและ 54.4% ในเดือนพฤษภาคม ถือว่าเป็นการฟื้นตัวดีที่ในปัจจัยด้านการผลิต
นอกจากนี้ โตโยต้ายังรายงานตัวเลลขยอดจำหน่ายของรถยนต์แบรนด์ Lexus (เลกซัส) ว่ามียอดจำหน่ายในเดือนมิถุนายนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยยอดจำหน่ายรวม 6.4 หมื่นคัน โดยมีตลาดประเทศจีนที่มียอดจำหน่ายมากที่สุด 2.2 หมื่นคัน คิดเป็นส่วนแบ่ง 34% จากยอดจำหน่ายรวมทั้งหมด
สำหรับรถยนต์โตโยต้า รุ่นที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรกได้แก่ Toyota RAV4 (โตโยต้า ราฟโฟร์) รถยนต์เอสยูวีขนาดเล็ก ที่ทำยอดขายไปประมาณ 4.26 แสนคันในครึ่งปีแรก โดยตลาดหลักอยู่ที่อเมริกาเหนือและประเทศจีน ที่มียอดขายราว 7.2 หมื่นคัน เติบโตประมาณ 15% จากปีที่ผ่านมา
ทำความรู้จัก Toyota RAV4
หนึ่งในรถยนต์เอสยูวีจากโตโยต้าที่มีข่าวลือว่าอาจจะเข้าทำตลาดประเทศไทย พร้อม ๆ กับเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย แต่เอาจริง ๆ ดูท่าหลังการเปิดตัวของ Toyota Corolla Cross โปรเจกต์นี้ก็อาจจะเงียบสนิทไปอีกครั้ง ซึ่งก็น่าเสียดายไม่น้อยที่ประเทศไทยอดสัมผัสกับรถยนต์รุ่นยอดนิยมคันนี้
ราฟโฟร์คือรถยนต์ที่มียอดจำหน่ายสูงสุดของโตโยต้าในครึ่งปีแรกของปี 2563 ต่อเนื่องมาจากการเป็นรถเอสยูวีที่ขายดีที่สุดในโลกในปี 2562 พร้อมการติดอันดับ 4 ของรถที่ขายดีที่สุดในโลก โดยพวกเขาเพิ่มทำยอดการจำหน่ายสะสม 10 ล้านคัน หลังทำตลาดมา 26 ปีใน 5 เจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา
รูปลักษณ์ภายนอกโดดเด่นด้วยลายเส้นที่แข็งแรงบึกบึน ไฟส่องสว่างหน้า ไฟส่องสว่างเวลากลางวันและไฟท้ายแบบแอลอีดี ประตูท้ายไฟฟ้าสั่งงานด้วยระบบแฮนด์ฟรี ล้ออัลลอยแบบ 5 ก้านขนาด 18 นิ้ว ภายในห้องโดยสารมีหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ระบบปรับอากาศดูอัลโซน มาตรวัดเป็นจอดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว
เครื่องยนต์รุ่นมาตรฐานเป็นเครื่องยนต์ไดนามิก ฟอร์ซ แบบ 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 207 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติซีวีที มาพร้อมระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense และมีสีตัวถังทั้งหมด 6 สี พร้อมมีเวอร์ชั่นสมรรถนะสูงให้เลือกได้
ทั้งนี้ โตโยต้า ราฟโฟร์ เคยตกเป็นข่าวว่าโตโยต้า ประเทศไทย เตรียมที่จะนำเข้ามาทำตลาดเพื่อแข่งขันกับคู่ปรับตลอดการอย่าง Honda CR-V (ฮอนด้า ซีอาร์-วี) แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นความจริง เมื่อโตโยต้าเลือกโตโยต้า โคโรลล่า ครอส เข้ามาทำตลาดเพื่อแข่งขันในเซกเมนต์ครอสโอเวอร์/เอสยูวีแทน