Mazda 2 เปิดตัวครั้งแรกในไทยเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2009 เป็นตัวถังรหัส DE ทำตลาดบ้านเราแบบ All-new แต่มีขายในต่างประเทศตั้งแต่ปี 2007 มาก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนเมืองไทยถึงจะมาช้า แต่ก็ได้หน้าตาแบบไมเนอร์เชนจ์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสวยกว่าโฉมแรกในต่างประเทศมาก
จุดเด่นตรงดีไซน์
Mazda 2 เป็นรถระดับ B-segment เปิดตัวในตอนแรกเป็นแบบแฮตช์แบ็ค 5 ประตู มิติตัวถังความยาว x กว้าง x สูงคือ 3,885 x 1,695 x 1,475 มม. และความยาวฐานล้อ 2,940 มม. ออกแบบสไตล์สปอร์ตเหมือนรุ่นพี่ กันชนหน้า-หลังมีสันนูนแบบสเกิร์ตในตัว ใส่ล้อแม็กซ์ขนาด 16 นิ้วให้รุ่นท็อป กลายเป็นมาตรฐานของรถค่ายอื่นต้องให้ล้อขนาดใหญ่ตามมาจนถึงปัจจุบัน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ภายในได้ออพชั่นคุ้ม
ภายในมาสด้า 2 ยังมีการออกแบบสวยงามด้วยการเล่นทรงวงกลมในคอนโซลกลาง มีวิทยุแบบบิ้วท์อินฝังในตัว มาตรวัดแบบแยกเกจกับพวงมาลัย 3 ก้านตรงเหมือนรถสปอร์ต ออพชั่นภายในก็มีจุดเด่นตรงที่ให้ถุงลมนิรภัย 1 ใบตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น และให้ถุงลมคู่ในรุ่นท็อปและรองท็อปอีกด้วย
ข้อมูลทางเทคนิค Mazda 2
สเปค Mazda 2 DE ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ความจุ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 103 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 136 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ขับเคลื่อน ล้อหน้า มีเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือออโต้ 4 สปีดให้เลือก รองรับน้ำมันเกรดเอทานอลสูงสุด E20
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีม ที่มีจุดเด่นตรงการทรงตัว การเกาะถนนที่ดี ระบบเบรกหน้าดิสก์ ช่องระบายความร้อน หลังเป็นดรัม ให้ยางขนาด 195/45 R16
Mazda 2 Hatchback ตอนเปิดตัวขาย 4 รุ่นย่อยมีราคาดังนี้
- Groove Sport MT เกียร์ธรรมดา 535,000 บาท
- Groove Sport AT เกียร์อัตโนมัติ 570,000 บาท
- Spirit Sport AT เกียร์อัตโนมัติ 640,000 บาท
- Maxx Sport AT เกียร์อัตโนมัติ ราคา 690,000 บาท
จุดสังเกตคือรถรุ่นนี้มีเนื้อที่เบาะหลังไม่กว้างมาก จึงไม่เหมาะกับคนไซส์ใหญ่ และไม่เหมาะกับการโดยสารหลายคนเป็นเวลานาน เพราะจะเมื่อยล้าได้ง่าย อีกทั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรรุ่นนี้ ยังให้พละกำลังแรงไม่เท่ากับคู่แข่ง ทำให้ดูเหมือนว่าไม่คุ้มค่าน้ำมันที่เติมไป แต่แลกกับจุดเด่นเรื่องความเกาะถนนแทน ปัจจุบันนี้หาซื้อได้แบบมือสองในราคา 1 แสนกว่าบาทแล้วแต่สภาพ
อ่านเพิ่มเติม : Mazda Lantis มือสอง สวยอมตะแม้อายุ 30 ปีแล้ว
คุณกัส ผู้จำชื่อรถได้หมดตั้งแต่เด็ก ขับรถเป็นตั้งแต่มัธยม ซ่อมรถใช้เองตอนปริญญาตรี สะสมรถคลาสสิคและรถหายาก ทำงานเรื่องรถมานาน 5 ปี ผ่านการอบรมขับขี่ปลอดภัยจาก Sach มีรถทดสอบผ่านมือมาตั้งแต่รถกระบะ รถเก๋ง จนถึงรถสปอร์ต งานอดิเรกก็แค่ซ่อมรถสะสมที่มีอยู่ ติดตามชีวิตคนบ้ารถได้ที่กลุ่ม
https://www.facebook.com/groups/97434297973776
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });