Volkswagen Group (โฟล์กสวาเกน กรุ๊ป) ประเมินว่าพวกเขานั้นมีความสามารถที่จะเพิ่มยอดการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม ให้เทียบเท่ากับเป้าหมายที่ Tesla (เทสล่า) ประเมินกำลังการผลิตของพวกเขาเอาไว้ โดยคาดว่าจะทำได้อย่างแน่นอนในปี 2023 หรือก็อาจจะทำได้เร็วกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์เอาไว้
Bernd Osterloh ผู้บริหารของโฟล์กสวาเกน กรุ๊ป ระบุว่าบริษัทของพวกเขานั้น สามารถเทียบเคียงเป้าหมายยอดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของเทสล่าได้อย่างแน่นอนและอาจจะมองการณ์ไกลไปถึงขั้นการเอาชนะรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติอเมริกันก็เป็นไปได้เช่นกันในอนาคต ด้วยจำนวนการผลิตที่มากมายกว่ามหาศาล
ความมั่นใจนี้เป็นผลมาจากกการพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายที่มีชื่อเรียกว่าเอ็มอีบี (MEB) ซึ่งพัฒนาาให้มีความสามารถที่หลากหลายในการพัฒนายานยนต์รูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดก็ตามในค่าย โดยพวกเขามองว่าอาจจะมีการผลิตที่มากถึง 0.9-1.5 ล้านคัน เทียบกับเป้าหมายของเทสล่าที่ 3-5 แสนคัน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
อีลอน มัสก์ ยังไม่ออกมาโต้ตอบ
ผู้บริหารสูงสุดของเทสล่านั้นก็มีข่าวที่เชื่อมโยงกับโฟล์กสวาเกนเช่นเดียวกันในช่วงที่ผ่านมา โดยเขานั้นได้เดินทางไปเยี่ยมโรงงานกิกะแฟคตอรี่แห่งใหม่ล่าสุดแถว ๆ เบอร์ลิน และมีรายงานว่าเขาได้พบกับประธานของโฟล์กกรุ๊ปอย่าง Herbert Diess เป็นเวลานานเกือบ 2 ชั่วโมงที่สนามบินเล็กแห่งหนึ่ง
นอกจากนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่ามัสก์นั้น ได้ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นล่าสุดของโฟล์กสวาเกนอย่าง Volkswagen ID.3 พร้อมทั้งยังมีโอกาสได้เยี่ยมชมครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ที่ยังไม่เปิดตัวอย่าง Volkswagen ID.4 ซึ่งทีมโฆษกของโฟล์คสวาเกนได้ออกมาระบุว่ามีการพบกันจริง แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียด
โรงงานแห่งใหม่ของเทสล่านั้นเป็นโรงงานแห่งแรกของบริษัทในยุโรป และมีขีดความสามารถในการผลิตรถยนต์ได้ถึง 5 แสนคันต่อปี และจะเป็นฐานการเจาะตลาดโลกของเทสล่าในอนาคต แต่ที่หลายคนคงอยากรู้มากกว่า ก็คือมัสก์เองคิดยังไงกับเอสยูวีรุ่นใหม่ ซึ่งเชื่อเถอะว่าไม่นานเขาต้องทวีตถึงมันแน่นอน
แล้วโฟล์กสวาเกน กรุ๊ป ในประเทศไทยล่ะ
โฟล์กสวาเกน กรุ๊ป ในประเทศไทยนั้น มีธุรกิจที่หลากหลายมากมาย และทำตลาดภายใต้การบริหารงานขององค์กรที่แตกต่างกันออกไป เริ่มจากแบรนด์หลักอย่างโฟล์กสวาเกนนั้น ตกเป็นข่าวกับตัวแทนจำหน่ายใหม่อย่างกลุ่มอินทรภูวศักดิ์ แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรออกมาเพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมา
กลุ่มนี้ยังเป็นผู้บริหารบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ตัวแทนจำหน่ายของแบรนด์รถสปอร์ตอีก 2 แบรนด์ในเครือ ประกอบไปด้วย Bentley (เบนท์ลีย์) และ Porsche (ปอร์เช่) ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่พวกเขาทำตลาดสร้างชื่อเสียงและฐานลูกค้าขนาดใหญ่ในประเทศไทยมานานแสนนาน
Audi (อาวดี้) นั้นเป็นการบริหารงานโดยบริษัท ไมซ์สเตอร์ เทคนิค จำกัด ของตระกูลล่ำซำ ที่เดินหน้าเปิดดัวรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ในประเทศไทยมาเข้าปีที่ 4 ไปแล้ว ขณะที่ Lamborghini (ลัมบอร์กินี) และ Ducati (ดูคาติ) บริหารงานโดย อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ดูตั้งใจทำแบรนด์ทั้งสองอย่างเต็มที่
ขณะที่รถเชิงพาณิชย์อย่าง M.A.N. (เอ็ม.เอ.เอ็น) นั้น เพิ่งเปลี่ยนให้บริษัทแม่เข้ามาทำตลาดด้วยตัวเองเหมือนกับที่ Scania (สแกเนีย) ทำมาตลอด ขณะที่ Bugatti (บูกัตติ) Seat (เซียท) และ Skoda (สโกด้า) นั้น ไม่มีการทำธุรกิจในประเทศไทยในปัจจุบัย แต่ก็ยังพอมีตัวสินค้ารุ่นเดิม ๆ ให้เห็นกันอยู่บ้าง
ด้วยความใหญ่โตของโฟล์กสวาเกน กรุ๊ป และการปล่อยให้แบรนด์ใยนเครือทั้ง 12 แบรนด์ สามารถทำธุรกิจได้โดยอิสระ ส่งผลให้ในประเทศไทยนั้นมีความหลากหลายของตัวแทนจำหน่ายต่าง ๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะสามารถร่วมมือกันได้ในอนาคตหรือไม่ หากโปรเจคต์เปิดโรงงานผลิตรถยนต์แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเป็นจริงขึ้นมาจริงจัง
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });