- ADAS คืออะไร แล้วเกี่ยวข้องกับ AutoPilot อย่างไร?
- ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติคืออะไร แล้วเหตุใด AutoPilot จึงไม่ใช่สิ่งนี้?
- AutoPilot อยู่ในระดับไหน?
- สรุปแล้ว ระบบ AutoPilot คือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติหรือไม่?
ในโลกของรถยนต์ที่ “ขับเคลื่อนด้วยตนเอง” มักจะมีคำพูดทางการตลาดมากมายที่สร้างความสับสนทั้งลูกค้าและสื่อมวลชน โดยเฉพาะสิ่งที่ Elon Musk ซีอีโอของ Tesla (เทสล่า) พูดหรือโพสต์ในทวิตเตอร์ รวมถึงศัพท์ต่าง ๆ ที่เขาสร้างขึ้นสำหรับค่ายรถของเขา
ระบบ AutoPilot ของ Tesla เป็นเพียงศัพท์ทางการตลาดที่เป็นเพียงระบบช่วยเหลือการขับขี่เท่านั้น โดยไม่ใช่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติใด ๆ แม้ชื่อของมันอาจจะทำให้เราเข้าใจผิดก็ตาม
ซึ่งจะแตกต่างระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติของ Tesla จะใช้ชื่อว่า Full Self Driving (FSD) ซึ่งชื่อนี้ก็ชวนให้เข้าใจผิดได้เช่นเดียวกัน เรามาดูกันว่าระบบ AutoPilot คืออะไร แล้วสามารถช่วยอะไรเราได้หรือไม่ได้บ้าง?
ระบบช่วยเหลือการขับขี่ (ADAS) คืออะไร แล้วเกี่ยวข้องกับระบบ AutoPilot อย่างไร?
ระบบช่วยเหลือการขับขี่หรือ ADAS เป็นคำศัพท์ในอุตสาหกรรมยานยนต์เพื่อใช้เรียกเทคโนโลยีที่ช่วยเหลือการขับขี่ที่ช่วยให้รถปลอดภัยและขับขี่ได้สบายยิ่งขึ้น ระบบ ADAS นั้นรวมถึงทุกระบบตั้งแต่ ระบบเตือนจุดอับสายตาด้านข้างและระบบเตือนเมื่อขับออกจากเลน
ระบบ ADAS ของผู้ผลิตรถบางค่ายจะมีความล้ำสมัยมาก โดยจะให้ผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือและเท้าออกจากการควบคุมได้ขณะที่ระบบทำงาน และระบบจะทำงานให้เข้ากับสถานการณ์จราจรรอบรถของเราโดยไม่ชนกับใคร
แต่ขณะที่ระบบ ADAS ของบางค่ายอาจไม่ได้ล้ำสมัยนัก ขึ้นอยู่ว่าในรถคันนั้นมีระบบอะไรที่ช่วยเหลือการขับขี่ได้บ้าง และความสามารถของระบบนั้น ๆ
ส่วนระบบ AutoPilot เป็นศัพท์ทางการตลาดของ Tesla สำหรับระบบ ADAS ซึ่งรวมถึงระบบ adaptive cruise control ที่เมื่อทำงานจะสามารถปรับความเร็ว ระยะห่างให้เข้ากับการจราจรในตอนนั้น รวมถึงการจำกัดความเร็วและทางที่ได้ระบุไว้ในแผนที่
และยังมีระบบบังคับพวงมาลัยช่วยให้อยู่กลางเลนที่ Tesla เรียกว่า Autosteer ซึ่งจะช่วยให้รถยังสามารถอยู่ในเลนทั้งในขณะที่ถนนเป็นทางโค้งหรือพื้นผิวไม่เสมอกัน ในแบรนด์อื่น ๆ ก็มีระบบนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
ระบบ ADAS จะต้องมีบางสิ่งที่ผู้ขับขี่ต้องควบคุมรถไปถึงสถานการณ์หนึ่งจึงจะสามารถเปิดระบบได้ เช่น ในระบบ adaptive cruise control และระบบช่วยบังคับพวงมาลัยให้อยู่กลางเลน ตัวเซนเซอร์ของรถต้องมีอย่างน้อยสองตัวที่จับเส้นถนนทั้งสองด้านได้เพื่อสามารถช่วยรถให้อยู่กลางเลนได้
ส่วนระบบ adaptive cruise control จะใช้กล้องรอบคัน (หรือเรดาร์รอบคัน) เพื่อจับตำแหน่งและความเร็วของคันหน้าเพื่อรักษาระยะห่างและความเร็วให้คงที่
อ่านเพิ่มเติม : วิจัยชี้ ระบบ Adaptive Cruise Control ควรมีความรู้ก่อนใช้ เพราะส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด
ระบบ “ขับเคลื่อนอัตโนมัติ” คืออะไร แล้วเหตุใด AutoPilot จึงไม่ใช่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ?
ในปัจจุบัน ยังไม่มีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ถูกกฎหมายบนถนนในขณะนี้ (แท็กซี่ไร้คนขับกำลังทดลอง) ดังนั้น เมื่อแฟน ๆ ของ Tesla ที่เชื่อว่ารถของตนมีระบบ “ขับเคลื่อนอัตโนมัติ” หรือเป็น “รถยนต์ไร้คนขับ” นั้นไม่เป็นความจริง เป็นสิ่งที่ Elon Musk หรือแผนกการตลาดของเขาพูดเท่านั้น
นั่นเป็นเพราะระบบการขับขี่อัตโนมัติถูกควบคุมอย่างเข้มงวดและกำหนดไว้อย่างชัดเจนโดยหน่วยงานกำกับดูแลต่าง ๆ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก โดยมีการนิยามคำว่า “รถขับเคลื่อนอัตโนมัติ” ไว้อย่างชัดเจน
มีหน่วยงานจากรัฐบาล 2 แห่งที่คอยดูแลเกี่ยวกับระบบนี้ในสหรัฐฯ ได้แก่ องค์กรบริหารความปลอดภัยการขนส่งบนทางหลวงแห่งชาติ (NHTSA) และสมาคมวิศวกรยานยนต์ (SAE) จากคำนิยามของหน่วยงานทั้งสองแห่งนี้ จะมีระบบช่วยเหลือการขับขี่ทั้งหมด 6 ระดับ ตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 5
เมื่ออยู่ในระดับที่สูงขึ้น มนุษย์จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขับขี่ลดลง เพราะระบบจะช่วยเราได้มากขึ้น และเมื่อไปถึงระดับที่ 5 ระบบก็จะช่วยเหลือผู้ขับขี่โดยสมบูรณ์ โดยแต่ละระดับจะช่วยเหลือเราได้ดังนี้
ระดับ 0 จะไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ จากระบบ การควบคุมรถเป็นของผู้ขับขี่ 100%
ระดับ 1 จะได้รับระบบช่วยเหลือแบบเบื้องต้น และใช้ได้ทีละระบบ เช่น ระบบ cruise control แบบธรรมดา หรือระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน โดยระบบช่วยเหลือในระดับี้มีมาตั้งแต่ปี 1968 จากแบรนด์ Chrysler
ระดับ 2 ในระดับนี้ เราจะสามารถใช้ระบบช่วยเหลือได้มากกว่า 1 ระบบพร้อมกัน เช่น ระบบ adaptive cruise control ที่นอกจากจะตั้งความเร็วได้แล้ว ยังสามารถทำให้รถช้าลงตามรถคันหน้า หรือเร่งไปยังความเร็วที่ตั้งไว้เมื่อทางสะดวกแล้ว และระบบดังกล่าวยังทำงานร่วมกับระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถและระบบช่วยบังคับพวงมาลัยให้อยู่กลางเลน (แต่ผู้ขับขี่ยังต้องคอยควบคุมพวงมาลัยอยู่)
แม้ว่าระบบ AutoPilot จะเป็นระบบ adaptive cruise control ที่ดูล้ำสมัย แต่ระบบดังกล่าว Tesla เองก็ยอมรับว่าอยู่ในระดับ 2 เท่านั้น ระบบ AutoPilot ได้รับความสนใจอย่างมากจาก NHTSA, คณะกรรมการการค้าของสหรัฐ (FTC) ไปจนถึงนักการเมือง เนื่องด้วยอุบัติเหตุที่ถึงแก่ชีวิตจากคำพูดของมัสก์ที่ชวนเข้าใจผิดในระบบนี้ นอกจากนี้ระบบ GM Super Cruise และ Ford BlueCruise ก็อยู่ในระดับนี้เช่นเดียวกัน
ระดับ 3 เป็นระดับที่ระบบจะช่วยเหลือเราตามเงื่อนไขเฉพาะ รถจึงจะสามารถขับเองได้โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องควบคุม แต่ผู้ขับขี่ต้องพร้อมที่จะกลับมาควบคุมรถได้ตลอดเวลาที่รถต้องการ ใน 2023 Mercedes-Benz S-Class มีระบบช่วยเหลือในระดับที่ 3 แล้วในชื่อว่า DrivePilot ซึ่งรับรองด้วยกฎหมายเป็นที่เรียบร้อย
ระดับ 4 และ 5 ทั้งสองระดับนี้จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับระดับของการขับขี่อัตโนมัติ ในระดับ 4 ยังคงต้องอาศัยการช่วยเหลือจากมนุษย์หากระบบต้องการ แต่ระดับ 5 จะไม่ต้องมีการช่วยเหลือจากมนุษย์เลย ในตอนนี้ยังไม่มีรถที่ใกล้เคียงที่ระดับ 4 และ 5 บนถนนอย่างแน่นอน
AutoPilot อยู่ในระดับไหน?
ปัจจุบัน ระบบ AutoPilot ของ Tesla จะมีอยู่ 2 ระดับ ได้แก่ Basic AutoPilot และ Full Self-Driving (FSD)
ในระบบ Basic AutoPilot จะเป็นพื้นฐานใน Tesla ทุกคัน โดยจะมีระบบ ADAS เช่น adaptive cruise control, ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน และระบบเบรคอัตโนมัติ
สำหรับลูกค้าที่ต้องการอัพเกรดให้เป็น Full Self-Driving จะต้องจ่ายเพิ่มกว่า 4 แสนบาท ในแพ็คเกจนี้ ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงระบบต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เช่น ‘summon’ ที่สามารถเรียกรถของเราจากที่จอดให้มาหาเราได้ รวมถึงระบบตรวจจับป้ายหยุดและระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ
Tesla ยังเคยมีฟังก์ชั่น Assertive mode สำหรับระบบ FSD ซึ่งเป็นเหมือนโหมดการขับขี่ที่ “เกี้ยวกราด” มากขึ้น ซึ่งจะไม่หยุดที่ป้ายหยุด ลดระยะห่างระหว่างคันหน้า และอาจเลี้ยวขวา (พวงมาลัยขวา) โดยไม่มีเหตุผล ทำให้ Tesla อาจจำเป็นต้องลบฟังก์ชั่นนี้ออกไปเพราะมีพฤติกรรมเสี่ยง (และผิดกฎหมาย)
อ่านเพิ่มเติม : Tesla ต้องเรียกคืนรถกว่า 54,000 คัน เพราะฟังก์ชั่น “rolling stop”
ระบบ AutoPilot คือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติหรือไม่?
ระบบ AutoPilot ของ Tesla คือระบบช่วยเหลือการขับขี่ระดับ 2 เท่านั้น ไปจนถึงระบบ Full Self-Driving ก็ยังไม่ใช่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ เพราะยังต้องอาศัยการควบคุมจากมนุษย์อยู่ โดยเราไม่สามารถลุกออกจากที่นั่งคนขับ หรือละสายตาจากถนนขณะที่เราเปิดระบบได้เลย
แม้ AutoPilot จะเป็นเครื่องมือซึ่งช่วยให้การขับขี่ของเราง่ายขึ้น แต่ก็ยังไม่ใช่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอยู่ดี
อ่านเพิ่มเติม : เทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 อาจไม่สามารถใช้งานได้จริง เพราะไปไม่สุดสักทาง?