เกือบจะกลายเป็นดราม่าขนาดใหญ่ที่พุ่งประเด็นไปที่กรมการขนส่งทางบก เมื่อมีกระแสข่าวออกมาเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ากรมการขนส่งทางบกเตรียมที่จะยึดคืนใบอนุญาตขับรถยนต์ตลอดชีพ หรือมีมาตรการที่จะเรียกผู้สูงอายุที่ถือใบขับขี่ดังกล่าว เข้ามาทำการตรวจสอบสมรรถนะทางร่างกายกันอีกครั้ง
ประเด็นดังกล่าวได้รับความสนใจจากประชาชนโดยถ้วนหน้า และกลายเป็นเรื่องที่มีการตั้งคำถามต่อกรมการขนส่งทางบกทันทีว่า พวกเขามีอำนาจหน้าที่ขนาดนั้นหรือไม่ และมีความจำเป็นที่จะต้องเรียกกลุ่มคนสูงอายุที่ถือใบขับขี่ดังกล่าวเข้ามาทำการทดสอบหรือไม่ เพราะจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการอีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม จิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ไม่ปล่อยให้เรื่องนี้เป็นไฟไหม้ฟาง เพราะอธิบดีออกมาตัดเรื่องราวดังกล่าวด้วยการออกมายืนยันว่า จะไม่มีการยึดคืนใบอนุญาตขับรถตลอดชีพและไม่มีการเรียกผู้มีใบอนุญาตขับรถตลอดชีพทั้งหมดมาทดสอบสมรรถนะใหม่ตามที่มีการแชร์กันอย่างแน่นอน
แจงไม่ยึด แต่ศึกษาเพื่อคัดกรองผู้ขับขี่
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ระบุอย่างชัดเจนว่ากรมการขนส่งทางบกจะไม่ยึดคืนใบอนุญาตขับรถตลอดชีพ รวมถึงไม่เรียกผู้มีใบอนุญาตขับรถตลอดชีพทั้งหมดมาทดสอบสมรรถภาพของร่างกายใหม่หรือทดสอบขับรถใหม่อย่างแน่นอน แต่กรมฯ จะมีการศึกษาเรื่องการคัดกรองผู้ขับขี่เพิ่มขึ้นได้อย่างไรในอนาคต
ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มผู้ที่ร่างกายเสื่อมสมรรถภาพหรือมีสภาวะโรคที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่ามีผลต่อการขับขี่ปลอดภัย เช่น โรคทางสมอง โรคปัญหาการมองเห็นที่รักษาไม่หาย เป็นต้น โดยจะต้องหารือร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และแพทยสภา และต้องพิจารณาข้อกฎหมายประกอบอย่างรอบคอบ
"ดังนั้น การที่มีการแชร์ข้อมูลกันอย่างแพร่หลายว่าจะมีการยึดคืนใบอนุญาตขับรถตลอดชีพที่ออกให้แล้ว หรือการให้เข้ามาทดสอบสมรรถภาพของร่างกายใหม่หรือทดสอบขับใหม่จึงไม่เป็นความจริง การดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถยังคงเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามปกติทุกประการ"
นำสถิติวิเคราะห์ยกระดับมาตรฐานใบขับขี่
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ยังบอกเพิ่มเติมว่า กรมฯ ยังได้มีการนำสถิติการเกิดอุบัติเหตุและผลการศึกษาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมาวิเคราะห์ เพื่อหาแนวทางในการยกระดับมาตรฐานการออกใบอนุญาตขับรถ โดยแบ่งเป็น 7 ด้าน ประกอบด้วย 1.การกำหนดสภาวะโรค 2.การทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย
3.การอบรมและทดสอบความรู้ของผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ (ภาคทฤษฎี) โดยจะมีการทบทวนและปรับปรุงเนื้อหาหลักสูตรการอบรม ให้สอดคล้องกับการขอรับใบอนุญาต พร้อมทั้งจัดทำระบบอบรมภาคทฤษฎีออนไลน์แบบ e-Learning 4.การอบรมการขับรถและทดสอบความสามารถในการขับรถของผู้ขอรับใบอนุญาตภาคปฏิบัติ
5.การบริหารจัดการ 6.การปรับปรุงรูปแบบใบอนุญาตขับรถ โดยจะปรับปรุงให้สอดคล้องกับอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยการจราจรทางถนน ค.ศ. 1968 และ 7.การควบคุมพฤติกรรมการขับรถด้วยมาตรการตัดแต้ม (การติดตามประเมินผล) เพื่อพัฒนามาตรฐานใบอนุญาตขับรถของประเทศไทยให้ครอบคลุมทุกมิติ
ย้อนที่มาดราม่า เริ่มจากกรมขนส่งทางบกเอง
ก่อนที่อธิบดีกรมการขนส่งทางบกจะต้องออกมายืนยันปฏิเสธข่าวลือนั้น ย้อนกลับไปที่ต้นทางของเรื่องราวทั้งหมด ก็เกิดจากการที่ตัวอธิบดีเองออกมาให้ข่าวว่าจะหารือกันเพื่อทำโครงการ 'recall' ผู้ถือใบอนุญาตขับขี่แบบตลอดชีพ กลับมาแสดงตัวที่ขนส่งฯ และทำการทดสอบสมรรถภาพความพร้อมในการขับขี่อีกครั้ง
โดยได้มีการอ้างถึงการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่ จ.ชลบุรี ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากผู้ขับรถที่เกิดเหตุมีอายุสูงถึง 96 ปี จนมีการตั้งข้อสงสัยถึงความพร้อมของผู้ขับรถที่สูงอายุ และที่ผ่านมามีสถิติอุบัติเหตุหลายครั้ง เกิดขึ้นจากผู้สูงอายุที่แม้ว่าจะมีใบอนุญาตขับขี่แบบตลอดชีพ แต่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
แม้จะยอมรับว่าอาจจะกระทบกับสิทธิ์ของผู้ใช้รถที่ถือใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพบ้าง แต่ในเบื้องต้นจะเริ่มจากกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอายุ 70 ปี แต่หากผู้ขับขี่รายใดที่ยังมีสมรรถภาพร่างกายพร้อม ก็จะสามารถใช้ใบอนุญาตขับขี่ฉบับนั้นได้ต่อไป แต่หากร่างกายไม่พร้อม ก็จะพิจารณายกเลิกใบอนุญาตของบุคคลนั้นหรือไม่ต่อ
ใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพนับล้านใบบนท้องถนน
จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ระบุวา แม้จะไม่มีการออกใบอนุญาตขับขี่แบบตลอดชีพมาตั้งแต่ปี 2546 และเปลี่ยนมาใช้ใบขับขี่ที่มีอายุสูงสุด 5 ปีทดแทน แต่หากนับจำนวนใบขับขี่แบบตลอดชีพที่ออกไปก่อนหน้านี้ ก็คาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านใบ ที่กระจายกันอยู่ในกลุ่มผู้ถือที่มีความหลากหลายทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ระบบการต่อใบขับขี่ของกรมการขนส่งทางบกในปัจจุบัน แม้จะมีการพัฒนามาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำระบบการอบรมแบบออนไลน์มาใช้ หรือการลดขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย แต่ก็ยังได้รับเสียงติจากประชาชนผู้ไปใช้บริการ ว่าเป็นระบบที่มีความสับสนและจุกจิกมากที่สุดระบบหนึ่งของหน่วยงานราชการของไทย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความต้องการของประชาชนที่ยังมีความต้องการมากอยู่ และการออกใบขับขี่นั้นเป็นเรื่องของความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นหลัก ที่อาจจะเกี่ยวโยงกับอุบัติเหตุและชีวิตของเพื่อนร่วมถนนหลายราย ถ้ามองในมุมนี้แล้ว ถ้ากรมการขนส่งทางบกจะตึงเครียดในเรื่องนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดแต่อย่างใด