จากเรื่อง: Need For Speed
หากอยู่บ้านว่าง ๆ หาหนังดีสำหรับคนรักรถยนต์ ดูซักเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Fast & Furious , Need for Speed หรือ Baby Driver เห็นเขาขับรถไล่ล่ากัน เอารถหรู ๆ ราคาแรงมาชนกัน ก็อยากเอารถออกไปซิ่งบ้าง แต่ก็กลัวรถจะพัง
แล้วผู้กำกับหนังเขาเอารถเหล่านี้มาชนกันได้อย่างไร ราคาก็แพง ไม่เสียดายหรือ วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
โล้นกับโล้นเจอกัน
จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
รถที่เราเห็นขับกันในหนังนั้น เป็นของจริงทั้งหมด แต่คันที่โดนชนและพังนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่ ซึ่ก็แล้วแต่เรื่องและความต้องการของผู้กำกับ ว่าต้องการใช้วิธีแบบไหนในการถ่ายทำ โดยวิธีหลัก ๆ คือ
Shell - โครงรถทำเอง
ในบางบริษัทหรืออู่ เขาจะรับ “ปั้นโครง” ซุปเปอร์คาร์เหมือนจริงจากเหล็ก และใช้เครื่องยนต์ธรรมดา ๆ แล้วนำโครงเหล่านี้มาสวมกับ”กรอบ”ของรถที่จะใช้ ซึ่งส่วนมากจะทำมาจากพลาสติกในการใช้ถ่ายทำ
บางที่ก็ใช่แชสซีของรถถูก ๆ มาใส่กรอบด้วย
อันนี้คนไทยทำเอง น่าชื่นชมครับ
Swapping - สลับคันกัน
ในบางฉาก เขาก็จะใช้รถคันจริงในการวิ่ง แต่พอถึงฉากชน เขาก็จะนำรถที่พังแล้วมาเข้าฉากแทน อาจจะเป็นรถที่ทำโครงขึ้นมาแบบแรก หรือรถที่เคยโดนชนมาจริง ๆ หรือมีบางส่วนพัง แต่เขาไปทำการประมูลมาได้
Stripping แยกชิ้นส่วน
หากผู้กำกับอยากจะใช้รถจริง ๆ ในการชน หรือสปอนเซอร์จากบางค่ายอยากจะให้มีรถของพวกเขาอยู่ในหนัง เขาก็จะให้รถคันจริงมา แต่มีการถอดชิ้นส่วนที่มีราคาแพงออก เช่น เบาะ, เครื่องยนต์, เทคโนโลยีที่มีในรถออกไป และใช้เครื่องธรรมดา ๆ แทน
Digital - เป็นเอฟฟคต์
แน่นอนครับ ในการทำภาพยนตร์จำเป็นจะต้องมีการทำเอฟเฟคต์ให้เหมือนจริง วิธีนี้จะเหมาะกับการที่รถจะระเบิด หรือใช้กับหลาย ๆ คันที่เกิดอุบัติเหตุ
รวมถึงบางฉากที่มีเหตุการณ์ทางธรรมชาติ เช่น ภายุหรือน้ำท่วม ที่สามารถเอารถใส่ได้หลายคันพร้อมกัน
Mazda RX-7 Veilside ของพี่ฮาน
Damaged - รถที่พังแล้ว
บางคันที่ดูดีภายนอก ภายในอาจจะเละไปแล้วก้ได้ ทีมงานสามารถหารถที่พัง หรือเกิดน้ำท่วมรถมาจากการประมูลหรือที่ทิ้งซากรถก็ได้
แบบนี้ล่ะตามได้ไหม
แล้วรถที่ถ่ายทำล่ะต้องเร็วไหม
ในหนังเรื่อง Need For Speed ผู้กำกับได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขาได้ทำการโมดิฟาย Ford Mustang (ฟอร์ด มัสแตง) ขึ้นมาคันหนึ่ง วึ่งมีกำลังถึง 600 แรงม้า เพื่อให้พอที่จะตามเหล่ารถแข่งได้
รวมถึงยังมี Porsche Cayenne (ปอร์เช่ คาเยนน์) ที่ติดตั้งแขนกลถือกล้องไว้ โดยรถเหล่านี้ จะต้องขับด้วยความเร็วที่กำหนดเท่านั้น เพื่อไม่ให้ภาพสั่นเกินไป
แล้วซากรถที่พังในหนังเขากำจัดอย่างไร
ทางทีมงานจะทำการติดต่อกับผู้รับซื้อซากรถยนต์ก่อน และจัดการเซ็นสัญญา เมื่อรถยนต์ทั้งหมดถูกใช้เสร็จแล้ว ทางผู้รับซื้อก็จะมารับรถยนต์เหล่านั้นไปจัดการต่อ
หลังจากที่ผู้รับซื้อได้รับซากรถยนต์แล้ว พวกเขาก็จะเอาไปคัดแยกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
ซากรถที่พังเกินเยียวยา ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ขนาดใหญ่อย่างรถบัส หรือรถที่ชนจนไม่สามารถใช้ต่อได้แล้ว ซึ่งรถเหล่านี้จะถูกเก็บในพื้นที่เก็บซากรถยนต์ของท้องถิ่น
ซากรถยนต์ที่สามารถนำกลับมาซ่อมแซมได้ โดยจะแยกชิ้นส่วนเพื่อเป็นอะไหล่ นำไปใช้ในกิจการภาพยนตร์มากกว่านำมาขายเพื่อใช้งานทั่วไป
ก็ต้องยอมรับในความเป็นมืออาชีพ และความสามารถของทีมที่ทำหนัง ทั้งผู้กำกับ, นักขับสตั้นท์, ช่างกล้อง และเบื้องหลังอื่น ๆ อีกมากมายที่เนรมิตภาพยนตร์ดี ๆ มาให้เราได้ดูกัน แต่อย่าไปขับตามแบบเขาเชียวนะครับ เอารถไว้ขับกันยาว ๆ ดีกว่า
จากเรื่อง: Need For Speed