เชื่อว่ามีหลาย ๆ คนที่เวลาขับรถ มักจะไม่ใส่รองเท้ากัน เนื่องจากมีความสบาย ไม่อึดอัด บางคนอาจจะชอบความรู้สีกว่าสามารถรับรู้ถึงความแรงของรถได้ หรือถนัดแบบนี้มากกว่า
จนหลายคนไม่ได้คำนึงถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้เมื่อถอดรองเท้า แล้วแบบไหนจะดีกว่ากัน ระว่างใส่หรือไม่ใส่?
ทำไมหลายคนชอบถอดรองเท้า?
ผู้ใช้รถหลายท่านชอบบอกว่า ข้อดีของการขับรถไม่ใส่รองเท้า คือการได้สัมผัสกับแป้นเบรก คันเร่ง หรือคลัชโดยตรง ที่จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และคล่องตัวกว่าการที่มีรองเท้ามาเกะกะ
หรือบางท่านก็กล่าวว่า มีการฝึกมาแบบนี้ จึงถนัดมากกว่า และรองเท้าที่ใส่ประจำนั้นลื่น หรือหนักเกินกว่าที่จะควบคุมรถได้
ทำไมการถอดรองเท้าขับถึงอันตราย?
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้ขับรถด้วยเท้าเปล่า เนื่องจากจะต้องออกแรง และเกร็งเท้ามากกว่า ซึ่งมีโอกาสที่จะทำให้เกิดความเจ็บปวด หรือตะคริวได้ แถมจะไปลดความสามารถของผู้ขับขี่และการบังคับรถได้อย่างมีประสิทธิภาพลง
ในส่วนของการสวมรองเท้าขับรถ พื้นรองเท้าจะสามารถช่วยกระจายแรงกดอย่างเท่าเทียม ทำให้ควบคุมจังหวะการเบรกหรือเร่งได้ดีกว่า และยังอาจช่วยลดอาการบาดเจ็บได้
อ่านเพิ่มเติม ทำไมคนเรา ถึงไม่ควรขับรถเกียร์อัตโนมัติด้วยสองเท้า?
ผู้หญิงจะถอดมากกว่า
ส่วนใหญ่ปัญหานี้มักจะไม่ค่อยเกิดขึ้นกับผู้ชาย เนื่องจากรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหนังอาจจะถอดได้ลำบากกว่า และยังได้มีผลสำรวจจากเว็บไซต์ Confused พบว่า ผู้หญิงมากกว่า 39% สวมรองเท้าแตะขับรถ อีก 37% สวมรองเท้าอะไรก็ได้ และ 24% ขับรถด้วยเท้าเปล่า
ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
ผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการถอดรองเท้าขับรถ มี 5 ข้อหลัก ๆ ดังนี้
1. เท้าเหม็น
เท้าเหม็นในที่นี้ เกิดจากการสะสมของแบคทีเรีย ยิ่งถอดรองเท้าขับรถจะทำให้มีเหงื่อออกมา เท้าที่สัมผัสคันเร่งหรือเบรกเกือยตลอดเวลาจะทำให้เท้าด้านแล้ว ยังสะสมแบคทีเรียเป็นสาเหตุทำให้มีกลิ่น
2. เท้าเปียกจนลื่น
สำหรับคนเหงื่อเยอะ หากเท้าเปียกมากมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการลื่น หรือเหยียบคันเร่งหรือเบรกพลาด
3. เกิดอาการบาดเจ็บ
ในการขับรถแบบเกียร์ธรรมดา เท้าซ้าย-ขวาจะลงน้ำหนักไม่เท่ากันแต่ในการขับแบบเกียร์อัตโนมัติ เท้าซ้ายจะไม่ได้ใช้เลย
การออกแรงใช้กล้ามเนื้อส่วนเดิมซ้ำ ๆ เป็นเวลานานอาจเป็นสาเหตุให้เกิดพังผืด โดยเฉพาะที่ส้นเท้า ในระยะยาวอาจมีอาการปวดบวมอักเสบ ส่งผลต่อการเดินได้
4. ผิดกฎหมาย
ใครจะไปคิดว่าการถอดรองเท้าขับรถนั้นผิดกฎหมาย แต่จะบังคับใช้กับผู้ขับขี่รถรับจ้าง รถสาธารณะ รวมไปถึงรถแท็กซี่ หรือรถจักรยานยนต์สาธารณะ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ
โดย พ.ร.บ.การขนส่งทางบก มาตรา 102 (1) และกฎกระทรวง พ.ศ. 2555 ระบุว่า ในขณะขับรถรับจ้าง รถยนต์สาธารณะ ผู้ขับขี่ต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยรัดกุม และสวมใส่รองเท้าหุ้มส้นหรือหุ้มข้อ หากฝ่าฝืนจะถูกระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตามมาตรา 127
5. รองเท้าอาจไปขัดเบรก-คันเร่ง
หลายคนเมื่อถอดรองเท้าแล้วก็จะวางไว้ใต้เบาะฝั่งคนขับ จนอาจเกิดกรณีที่รองเท้ากลิ้งมาขัดกับใต้แป้นเบรก หรือคันเร่งจนไม่สามารถควบคุมความเร็วรถได้ อาจมีให้เห็นอยู่บ้างในข่าวสารประเทศไทย
อ่านเพิ่มเติม วิจัยเผย พวงมาลัยรถยนต์สกปรกกว่าห้องน้ำถึง 4 เท่า
ใส่รองเท้าส้นสูงขับรถได้ไหม?
รองเท้าที่ใช้นั้นการขับรถยนต์นั้นจะต้องมีความเหมาะสมสำหรับขับรถ รองเท้าส้นสูง หรือรองเท้าแฟชั่นไม่เหมาะ เพราะว่าส้นของรองเท้านั้นอาจจะติดกับพื้น จนทำให้เหยียบคลัช หรือเบรกได้ไม่เต็มที่
รองเท้าแตะได้ไหม?
รองเท้าแตะเองก็ไม่ค่อยเหมาะที่จะใส่ในการขับรถ เนื่องจากค่อนข้างลื่น และไม่มีดอกยาง อาจหลุดระหว่างการใช้งานโดยเฉพาะเวลาเปียกน้ำหรือเปื้อนโคลน
แล้วจะใส่อะไรดี?
รองเท้าที่ดีควรเป็นรองเท้าที่กระชับ ขนาดไม่ใหญ่ ไม่หลวมเกินไป พื้นรองเท้าไม่ควรหนาเกิน 4 มิลลิเมตร
ไม่นุ่ม หรือไม่แข็งเกินไป ส่วนมากจะเป็นรองเท้าผ้าใบ หรือรองเท้าหนังก็ได้ สำหรับคุณผู้หญิงที่มักจะใส่รองเท้าส้นสูงทำงาน ควรจะมีรองเท้าผ้าใบติดรถไว้สักคู่ เพื่อเปลี่ยนใส่ และถอดออกหลังถึงที่หมายแล้วครับ