เวลารถสตาร์ทไม่ติด คนก็อาจจะนึกถึงแบตหมด ไดสตาร์ทเสีย ไดโอดพัง แต่อาจจะลืมนึกถึงส่วนเล็ก ๆ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเครื่องยนต์นั่นคือ หัวเทียน ที่ทำหน้าที่จุดประกายให้รถทำงาน
ซึ่งปัจจุบันจะมีแบบ อิริเดียม (Iridium) ที่ราคาสูงขึ้นไป แต่มันดีอย่างไร ใช้แทนแบบธรรมดาดีไหม มาดูกันครับ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
หัวเทียนคืออะไร?
หัวเทียน (Spark Plug) เป็นอุปกรณ์สร้างประกายไฟเพื่อจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ของรถยนต์ ให้รถทำงาน โดยรับแรงไฟมาจากจานจ่าย ผ่านสายหัวเทียน และมายังหัวเทียน โดยมีส่วนประกอบคือ ขั้วหัวเทียน,ฉนวน,ขั้วกลาง,เปลือก,ปะเก็น
ชนิดของหัวเทียน
- หัวเทียนร้อน จะระบายความร้อนจากการเผาไหม้ออกสู่ภายนอกได้น้อยเพราะฉนวนบริเวณหัวที่ยาว และช่องว่างแคบซึ่งจะทำให้มีความร้อนสะสมไว้มาก ใช้กับรถที่รอบเครื่องยนต์ไม่สูงหรือใช้งานสั้นๆ
- หัวเทียนเย็น ระบายความร้อนได้ดีและรวดเร็ว เพราะฉนวนบริเวณที่หัวสั้น และช่องว่างกว้าง เหมาะกับรถที่ใช้ความเร็วและรอบเครื่องยนต์สูง ๆ เป็นเวลานาน
- หัวเทียนมาตรฐาน ออกแบบมาสำหรับการใช้งานทั่วไปโดยใช้งานหนักบ้างใช้งานเบาบ้าง เพราะฉนวนบริเวณที่หัวนั้น ช่องว่างไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป
หัวเทียนมีให้เลือกกี่แบบ?
แบบทองแดง (Copper)
หัวเทียนที่มีแกนกลาง Electrode เป็นทองแดง จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าเยอะในการจุดประกาย เหมาะกับการใช้ในรถที่มีอายุเยอะ มีราคาถูก ไม่เกิน 400 บาทได้ 4 ตัว แต่มีอายุการใช้งานสั้นเพียงประมาณ 20,000-40,000 กิโลเมตรเท่านั้น
แบบแพลทตินั่ม (Platinum)
Electrode จะมีแพลทตินั่ม หุ้มอยุ่จึงนำไฟได้ดีกว่าแบบทองแดง แถมยังมีอายุการใช้งานมากกว่าที่ประมาณ 50,000-80,000 กิโลเมตร แต่ก็มีราคาสูงกว่าเดิมเพียงเล็กน้อย เหมาะกับรถใหม่ ๆ ที่ใช้ระบบจุดระเบิด
แบบอิริเดียม (Iridium)
หัวเทียนแกนกลางอิริเดียมนั้น มีขนาดเล็ก เนื่องจากแร่ Iridium นั้นติดไฟง่าย จึงไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ ทนทาน แถมยังมีอายุการใช้งานที่ยาวมาก ใช้ได้ประมาณ 100,000 กิโลเมตร แต่มีราคาที่แพงมาก 4 ตัวจะอยู่ที่ประมาณ 800 บาทขึ้นไป
โดยหัวเทียน Iridium นั้น จะมีความพิเศษกว่าหัวเทียนธรรมดาก็คือ จะให้กำลังไฟในการจุดระเปิดที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานได้สมบูรณ์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจุดระเบิด โดยอาศัยแรงดันไฟฟ้าที่ต่ำแล
ผลลัพธ์ที่ได้ คือ โอกาสในการเกิดอาการหัวเทียนบอดจะน้อยมาก เมื่อเทียบระหว่างหัวเทียนธรรมดากับหัวเทียน Iridium รถที่ใช้หัวเทียน Iridium จะมีอัตราเร่งดีขึ้นจนรู้สึกได้ครับ
ควรเปลี่ยนหัวเทียนเมื่อไร?
- รอบเดินเบาเครื่องยนต์ไม่นิ่ง ในขณะที่สตาร์ทรถจอดอยู่กับที่จะมีการสั่น
- สตาร์ทเครื่องยนต์ติดยาก เกิดจากการจุดระเบิดของหัวเทียนที่ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- เปลืองน้ำมันมากขึ้น เกิดจากเขี้ยวของหัวเทียนที่ผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่งมีการสึกหรอและห่างมากขึ้น จนทำให้การจุดระเบิดไม่สมบูรณ์
- ขณะรถวิ่งมีการกระตุก วิ่งไม่เรียบ หัวเทียนที่เสื่อมสภาพจนทำให้กระบอกสูบมีปัญหาส่งผลให้เวลาเหยียบคันเร่งแล้วรู้สึกว่าเหยียบแล้วรถไม่พุ่ง หรือเร่งไม่ออกนั้นเอง
การเลือกใช้หัวเทียนยังต้องดูด้วยว่า ขนาดกับเขี้ยว นั้นต้องตรงตามความต้องการของรถ หากใช้ผิดเบอร์ อาจทำให้เครื่องพัง หรือทำงานแบบไม่เต็มประสิทธิภาพได้
หากใครกังวลกลัวจะซื้อไม่ถูก ก็ปรึกษาช่าง ศูนย์บริการ หรือดูคู่มือการใช้งานรถได้เลยครับ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });