อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ Corolla Altis ถูก Civic ทิ้งห่างถึงขนาดนั้น เรานำสเปกของรถทั้งสองโมเดลมาเทียบเคียงให้เห็นกันชัด ๆ
มิติตัวถัง
|
Toyota Corolla Altis |
Honda Civic |
ความยาว |
4,630 มม. |
4,648 มม. |
ความกว้าง |
1,780 มม. |
1,799 มม. |
ความสูง |
1,455 มม. |
1,416 มม. |
ระยะฐานล้อ |
2,700 มม. |
2,698 มม. |
ความจุถังน้ำมัน |
43 ลิตร |
47 ลิตร |
ขนาดล้อและยาง |
ล้อ 17 นิ้ว ยาง 225/45 R17 |
ล้อ 17 นิ้ว ยาง 215/50 R17 |
มิติตัวถังมีขนาดใกล้เคียงกันมาก ทั้งความยาว ความกว้าง และความสูง รวมถึงระยะฐานล้อและขนาดล้ออัลลอยที่สวมทับด้วยยางไซส์ 17 นิ้ว มองในภาพรวมไม่มีความแตกต่างใด ๆ ในด้านขนาดตัวรถ และภายในห้องโดยสารที่นั่งสบายพอกัน
ระบบขับเคลื่อน
|
Toyota Corolla Altis |
Honda Civic |
เครื่องยนต์ |
เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว และมอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส |
เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC เทอร์โบชาร์จ |
ความจุ |
1.8 ลิตร / 1,798 ซีซี |
1.5 ลิตร / 1,498 ซีซี |
พละกำลัง |
- เครื่องยนต์ 98 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที
- มอเตอร์ไฟฟ้า 53 แรงม้า
รวมทั้งหมด 122 แรงม้า
|
173 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที |
แรงบิด |
- เครื่องยนต์ 142 นิวตันเมตรที่ 3,600 รอบต่อนาที
- มอเตอร์ไฟฟ้า 163 นิวตันเมตร
|
220 นิวตันเมตรที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที |
ระบบส่งกำลัง |
เกียร์อัตโนมัติ E-CVT |
เกียร์อัตโนมัติ CVT |
ระบบขับเคลื่อน |
ขับเคลื่อนล้อหน้า |
ขับเคลื่อนล้อหน้า |
Corolla Altis รุ่นท็อปมีจุดเด่นอยู่ที่การใช้ระบบไฮบริด เน้นความประหยัดน้ำมันซึ่งมีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23.3 กม.ต่อลิตร ส่วน Civic มาในทางตรงกันข้ามคือมอบพละกำลังที่เหนือกว่า แต่มีอัตราสิ้นเปลืองดุเดือด 11 – 12 กม.ต่อลิตร
รูปลักษณ์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
Toyota Corolla Altis รุ่นสูงสุด Hybrid High มาพร้อมไฟหน้า LED แบบไฮบริดไฟเดย์ไลท์ ไฟหน้าแบบ follow me home พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟท้ายฟูล LED กระจังหน้าเปียโนแบล็ก มือจับเปิดประตูด้านนอกแบบโครเมียม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวและพับเก็บอัตโนมัติ กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน ไฟตัดหมอกหน้า LED
ภายในตกแต่งด้วยหนังและวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง คอนโซลกลางตกแต่งด้วยเปียโนแบล็ก วัสดุที่จับประตูเป็นแบบเปียโนแบล็กสลับด้วยสีเงิน
ทางด้าน Honda Civic 1.5 Turbo ตัวรองท็อปอาจไม่โดดเด่นเท่ารุ่นท็อปรหัส RS แต่ก็ยังดึงดูดสายตาคนส่วนใหญ่การันตีด้วยยอดขายระดับผู้นำตลาด โดยมาพร้อมไฟหน้าโปรเจคเตอร์ที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ มีเดย์ไลท์ LED และไฟท้ายแบบ LED ไฟตัดหมอกคู่หน้า มือจับเปิดประตูด้านนอกแบบโครเมียม กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ปรับและพับไฟฟ้า ท่อไอเสียแบบคู่ เสาอากาศแบบปกติ ล้ออัลลอยมีขนาด 17 นิ้ว
ภายในตกแต่งด้วยสีดำเช่นเดียวกับรุ่นท็อป RS แต่ใช้หนังแท้และวัสดุหนังสังเคราะห์แบบไม่มีด้ายสีแดง พวงมาลัยหุ้มหนัง วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบเปียโนแบล็ก
ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกเด่น ๆ ของ ของ Toyota Corolla Altis รุ่น Hybrid High มีดังนี้
- เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องแอร์ด้านหลัง
- เครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Bluetooth / USB พร้อม Apple CarPlay
- พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบ T-connect Telematics
- ระบบนำทาง (Navigator)
- จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID ขนาด 7 นิ้ว
- ช่องชาร์จแบตผ่าน USB ในกล่องเก็บของ
- ระบบสตาร์ทรถและเปิดประตูอัจฉริยะ (Push Start and Smart Entry)
- ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ
- แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย
- หน้าจอ HUD แสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี
- ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร (nanoe)
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกเด่น ๆ ของ Honda Civic รุ่น 1.5 VTEC Turbo มีดังนี้
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิ แยกอิสระซ้าย/ขวา
- เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง
- หน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay
- พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
- รองรับการเชื่อมต่อ Smartphone
- รองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth)
- ช่องเชื่อมต่อ USB 2 ตำแหน่ง และช่องเชื่อมต่อ HDMI
- ลำโพง 8 ตำแหน่ง
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกของรถทั้งสองรุ่นถือว่าครบถ้วนตามมาตรฐานซีเซกเมนท์ เพียงพอต่อการใช้งานทั้งทางใกล้และทางไกล ตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม Altis ดูจะเหนือกว่าเล็กน้อยด้วยการมีช่องแอร์หลัง และระบบนำทางเนวิเกชั่น
ระบบความปลอดภัยเด่น ๆ ของ Toyota Corolla Altis รุ่น Hybrid High มีดังนี้
- ระบบเบรก ABS ระบบเสริมแรงเบรก BA และระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบควบคุมการทรงตัว VSC และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
- ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ได้แก่คู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง และหัวเข่าด้านคนขับ
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC
- กล้องมองหลัง และสัญญาณเตือนกะระยะด้านท้าย
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA
- ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ DRCC แบบ All-speed Range
- ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB
- ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
- ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LTA
- เข็มขัดนิรภัยหน้า ดึงรั้งและผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง
- เข็มขัดนิรภัยหลัง ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัยเด่น ๆ ของ Honda Civic รุ่น 1.5 VTEC Turbo มีดังนี้
- ถุงลมนิรภัย 4 ตำแหน่งประกอบด้วยคู่หน้า และถุงลมด้านข้าง
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
- สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน
- กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ
- ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
- เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง ปรับระดับสูง-ต่ำได้
- เข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ 3 จุด 3 ตำแหน่ง
ระบบความปลอดภัยของ Corolla Altis เหนือกว่าอย่างชัดเจนด้วยการมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ติดตั้งมาให้เพียบ ทั้งระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA สำหรับคอรถยนต์ Honda ที่ต้องการความปลอดภัยมากกว่านี้ก็ต้องจ่ายเพิ่มเพื่อคบหากับรุ่นท็อป RS ที่มีค่าตัวสูงขึ้นอีกกว่า 1 แสนบาท
ราคาจำหน่าย
Toyota Corolla Altis รุ่น Hybrid High ราตตา 1,099,000 บาท
Honda Civic ซีดาน รุ่น 1.5 Turbo ราคา 1,104,000 บาท
สรุป
กลุ่มรถซีดานระดับคอมแพ็กต์กลายเป็นเวทีแข่งขันของสองยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota และ Honda เท่านั้น โดยมี Mazda 3 ทำยอดขายตามมาห่าง ๆ แบบไม่มีลุ้นเท่าไหร่นัก
ยอดขายระดับผู้นำตลาดของ Civic บ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่านี่คือ Civic ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งเท่าที่ Honda เคยสร้างมา ถึงแม้ Corolla Altis จะได้เปรียบในเรื่องความสดใหม่เพราะเพิ่งเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2019 แต่ก็ยังสู้กับคู่ปรับไม่ได้
Toyota ชูระบบไฮบริดเป็นไฮไลท์ของ Corolla Altis ด้วยการนำเสนอถึง 3 รุ่นย่อย พร้อมกับมีขุมพลังอีก 2 รุ่นให้เลือกสรร คือ เบนซิน 1.8 ลิตรในรุ่น GR Sport และเบนซิน 1.6 ลิตรในรุ่นเริ่มต้น
แต่ Honda เล็งเห็นแล้วว่าลูกค้าที่มองหารถยนต์กลุ่มนี้ไม่ได้สนใจไฮบริดและความประหยัดมากนัก จึงเลือกนำเสนอรุ่นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตรจำนวน 2 รุ่นย่อยที่ราคาทะลุหลัก 1 ล้านบาท และเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตรอีก 2 รุ่นย่อยในราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท เมื่อบวกกับคุณสมบัติด้านรูปลักษณ์ที่โดนใจคนส่วนใหญ่ ทำให้ Civic ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมและแข็งแกร่งมาจนถึงทุกวันนี้