ผลการสำรวจอุตสาหกรรมการผลิตแบตเตอรี่พบว่า ต้นทุนราคาการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนลดลง 6% ในปี 2020 เมื่อเทียบกับปี 2019
BloombergNEF บริษัทวิจัยตลาดพลังงานเปิดเผยรายงานการผลิตแบตเตอรี่ประจำปี 2020 พบว่าราคาต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ลดลงจาก 140 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมงเหลือ 132 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ลดลงจากปี 2019 ประมาณ 6% และลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 89% จากปี 2010
ราคาต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ในรายงานฉบับดังกล่าวครอบคลุมทั้งการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ทั้งในรถยนต์ไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า และโครงการกักเก็บพลังงานต่าง ๆ
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
อย่างไรก็ตาม เมื่อคำนวณต้นทุนเฉพาะเจาะจงสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าพบว่าปรับตัวลดลงอย่างน่าสนใจเหลือ 118 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง
หลายปัจจัยส่งราคาลดลง
BloombergNEF ระบุว่า การปรับตัวลดลงของราคาต้นทุนแบตเตอรี่มาจากหลากหลายปัจจัย ทั้งการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของลิเธียม ไอรอน ฟอสเฟต สารเคมีแคโทดต้นทุนต่ำ และการลดปริมาณการใช้แคโทดโคบอลต์นิกเกิลที่มีราคาแพง
หากเทรนด์การใช้วัตถุดิบดังกล่าวยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ราคาต้นทุนของแบตเตอรี่จะลดลงอย่างต่อเนื่องจนต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะทำให้ราคาจำหน่ายของรถยนต์ไฟฟ้าเทียบเท่าหรือถูกกว่ารถเครื่องยนต์สันดาป
อย่างไรก็ดี เมื่อมีข่าวดีก็ต้องมีข่าวร้าย มีรายงานว่าราคาลิเธียมจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในปี 2022 ทำให้ราคาต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่จะกลับมาแพงขึ้นในปีหน้าจนไปอยู่ที่ 135 เหรียญสหรัฐต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง
หลังจากนั้น ภายในปี 2024 – 2025 ราคาต้นทุนของแบตเตอรี่จะปรับตัวลดลงอีกครั้งซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หลายบริษัทรถยนต์วางกรอบเวลาเพื่อเดินหน้ารุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว นั่นคือตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป
เจมส์ ฟริธ หัวหน้าทีมนักวิจัยของ BloombergNEF กล่าวว่า ถึงแม้ราคาต้นทุนแบตเตอรี่จะลดลงในปี 2021 แต่มีปัจจัยที่ทำให้ราคาปรับสูงขึ้น
“ราคาต้นทุนที่สูงขึ้นทำให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต้องเผชิญกับความท้าทาย โดยเฉพาะการดำเนินธุรกิจในยุโรปที่มีกฎระเบียบการควบคุมมลพิษที่เข้มงวดจึงต้องเพิ่มยอดขายรถอีวีตามนโยบายของภาครัฐ ทำให้ต้องเลือกว่าจะลดสัดส่วนผลกำไรลงด้วยการกำหนดราคาจำหน่ายที่เหมาะสมหรือจะผลักภาระไปให้ผู้บริโภคด้วยการตั้งราคาที่สูง” ฟริธ กล่าวเพิ่มเติม
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });