รีวิว Honda E-Clutch ครั้งแรกของโลก!
ครั้งแรกของโลกกับการขับขี่ Honda E-Clutch เทคโนโลยีที่จะช่วยให้การขับขี่ของคุณง่ายขึ้นอีกเยอะ!
เมื่อวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาทาง AutoFun Thailand ของเราได้รับเกียรติให้เข้าร่วมเป็นสื่อมวลชนกลุ่มแรกของโลกที่จะได้ทดลองขับขี่ และสัมผัสเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจากทาง Honda นั่นก็คือ Honda E-Clutch ซึ่งการทดสอบในครั้งนี้เกิดขึ้นที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ นั่นเอง
- รถที่มาพร้อมเทคโนโลยี E-Clutch
- ระบบ E-Clutch คืออะไร
- พูดถึงระบบ E-Clutch แบบง่าย ๆ
- E-Clutch สร้างมาเพื่อใคร
- ลองขี่แล้วติดใจเลย
รถที่มาพร้อมเทคโนโลยี E-Clutch
สำหรับในตอนนี้รถที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี E-Clutch จากทาง Honda นั้นมีอยู่ 2 รุ่นด้วยกันนั่นก็คือสปอร์ตไบค์อย่าง 2024 Honda CBR650R และเน็คเก็ตไบค์ 2024 Honda CB650R และนอกจากเทคโนโลยีใหม่แล้วทั้ง CBR650R และ CB650R ยังได้รับการอัพเกรดโดยได้มาพร้อมกับหน้าจอเรือนไมล์แบบ TFT ขนาด 5 นิ้วพร้อมการเชื่อมสมาร์ทโฟนผ่านแอพพลิเคชั่นอย่าง Honda RoadSync
พร้อมทั้งชุดไฟ LED หน้า-หลัง ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่มีความโฉบเฉี่ยวและแสงสว่างที่มากกว่าเดิมด้วยเช่นกันอีกทั้งในโมเดล 2024 ก็ได้มีการใส่ระบบอย่างแทร็คชั่นคอลโทรลมาให้แล้วอีกด้วย ซึ่ง 2024 Honda CBR650R จะมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 347,300 บาท และ 2024 Honda CB650R จะมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 332,100 บาท
ระบบ E-Clutch คืออะไร
เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถติดตั้งระบบใหม่อย่าง E-Clutch ลงไปบนตัวเครื่องยนต์ได้ทางวิศวกรของ Honda ต้องปรับแต่งบางสิ่ง ซึ่งรวมถึงการติดตั้ง ECU ใหม่ที่สามารถจัดการกับเทคโนโลยี E-Clutch ได้ โดยพื้นฐานแล้ว มันเป็นเซอร์โวมอเตอร์คู่ที่ยึดติดกับฝาครอบเครื่องยนต์เฉพาะ E-Clutch ซึ่งมันจะคอยช่วยเหลือผู้ขับขี่ในการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น และลงในขั้นสูง โดยมอเตอร์อิเล็กทรอนิกส์สองตัวจะดึงคลัตช์เข้าเมื่อรถมอเตอร์ไซค์หยุดส่งผลให้เครื่องยนต์ไม่ดับ ซึ่งนั่นแปลว่าต่อให้คุณไม่กำคลัตช์ขณะจอดรถตัวรถก็จะไม่ดับนั่นเอง รวมไปจนถึงการเข้าเกียร์ 1 ก็สามารถเข้าได้ทันทีโดยไม่ต้องกำคลัตช์ตั้งแต่ออกตัว
นอกจากนี้หากคุณต้องการใช้ระบบคลัตช์ในรูปแบบเดิมเพียงแค่คุณกำคลัตช์แบบปกติที่อยู่ทางแอนด์ด้านซ้ายมือ ตัวรถก็จะทำการสลับมาเป็นโหมดคลัตช์ปกติที่เราคุ้นชินได้ในทันที แต่หากคุณไม่มีการใช้คลัตช์ไปซักระยะเวลาหนึ่งตัวรถก็จะทำการตัดเข้าสู่โหมดการทำงานของ E-Clutch อีกครั้งแบบอัตโนมัติ โดยจะแสดงผลการทำงานของระบบคลัตช์ว่าอยู่ในโหมดไหนผ่านสัญลักษณ์ที่โชว์บนหน้าจอเรือนไมล์นั่นเอง ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกคำนวณ และถูกประมูลผลด้วยกล่อง ECU อัจฉริยะที่ทาง Honda ได้พัฒนาขึ้นมาเพื่อระบบ E-Clutch นี้โดยเฉพาะ
พูดถึงระบบ E-Clutch แบบง่าย ๆ
หากให้เราอธิบายง่าย ๆ ด้วยภาษาชาวบ้านก็คือ E-Clutch จะทำให้คุณสามารถเข้าเกียร์ได้ทั้งขึ้น และลงโดยที่ไม่ต้องใช้การบีบคลัตช์ที่ก้านคลัตช์แต่อย่างใดซึ่งคุณสามารถเข้าเกียร์ได้ตั้งแต่เกียร์ 1 ตลอดไปจนถึงเกียร์ 6 เลยทีเดียว เอาจริง ๆ คือทาง Honda จะถอดก้านคลัตช์ออกไปเลยก็ได้สำหรับรถรุ่นนี้ แต่อย่างที่เราได้บอกไปว่าเมื่อไหร่ที่คุณเลือกจะกำคลัตช์ หรือเลือกที่จะใช้การเข้าเกียร์แบบรถมีคลัตช์ปกติทั่วไปก็สามารถใช้งานได้เป็นรถคลัตช์ปกติเช่นเดียวกัน หรือจะเลือกปิดระบบอย่าง E-Clutch เพื่อขับขี่แบบรถคลัตช์ปกติทั่วไปก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นใครถนัดแบบไหนก็ใช้งานแบบนั้น ๆ ได้เลย หรือในกรณีที่คุณลืม หรือเผลอตัวไปกำคลัตช์เข้าระบบก็จะตัดกลับมาสู่การทำงานของเกียร์แบบ E-Clutchให้คุณในเวลาเพียง 5 วินาทีเท่านั้น
E-Clutch สร้างมาเพื่อใคร
สำหรับเทคโนโลยีอย่าง E-Clutch นั้นวัตถุประสงค์ของระบบชุดเกียร์แบบใหม่นี้ก็เพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่ที่ง่ายขึ้น และสามารถเข้าถึงกลุ่มคนใหม่ ๆ ได้มากขึ้น อย่างเช่นคนที่ต้องการจะขับขี่รถบิ๊กไบค์แต่ขี่รถที่มีคลัตช์ไม่ได้ หรือขี่รถที่มีคลัตช์ไม่คล่อง กลัวการปล่อยคลัตช์แล้วเครื่องยนต์จะดับไปทำให้ล้มได้ ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ระบบอย่าง E-Clutch จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดให้หมดไป ส่วนสำหรับมือเก๋ายิ่งสนุก และสบายยิ่งขึ้นไปอีกเพราะชุดเกียร์ E-Clutch นั้นสามารถทำงานได้อย่างสมูท และลื่นไหล
โดยเฉพาะการที่เราไม่ต้องยกคันเร่งระหว่างเปลี่ยนเกียร์ขึ้น และลงเลย นั่นทำให้เราสามารถเข้าโค้ง และเปิดคันเร่งออกจากโค้งได้รวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง ส่วนสายเดินทางยิ่งสบายเพราะคุณไม่ต้องคอยบีบคลัตช์ให้เมื่อยมืออีกต่อไปไม่ว่าจะเป็นการหยุดเพื่อจอดรถตามแยกไฟแดง หรือการขับขี่เดินทางไกลเพื่อไปยังเป้าหมายในระยะทางที่ไกลคุณเพียงแค่ใช้คันเร่ง กับเบรกในการควบคุมเท่านั้น เพราะคุณสามารถแตะเกียร์ได้ทันทีตลอดเวลาโดยไม่ต้องเสียจังหวะในการบีบคลัตช์ เรียกได้ว่าเดินทางสบาย และชิวขึ้นอีกเยอะ
ลองขี่แล้วติดใจเลย
อย่างที่เราได้บอกทุกคนไปในตอนต้นว่าในครั้งนี้เราได้ทำการขับขี่รถอย่าง 2024 Honda CBR650R และ 2024 Honda CB650R กันทั้งภายในสนามแข่งขัน และนอกสนามแข่งขันที่เป็นการขับขี่บนถนนจริง สภาพการจราจรจริง ซึ่งระบบอย่าง E-Clutch นั้นสามารถทำงานได้ดีอย่างย่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะในสนามแข่งนั้นมันมาพร้อมความสมูทของรอบเครื่องยนต์ และจังหวะในการต่อเกียร์ที่ราบรื่น ทำให้เราสามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นทำให้คุณสามารถเข้าโค้ง และออกจากโค้งได้เร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเอาจริง ๆ เราคิดว่า E-Clutch นั้นทำงานได้ดีกว่าชุดเกียร์แบบควิกชิฟเตอร์เสียอีก
แต่ก็ต้องบอกว่าจังหวะในการทำงานในสนามแข่งยังมีช่วงที่เครื่องยนต์แบบหน่วงอยู่เหมือนกัน ซึ่งไม่เหมือนกับการรีดคลัตช์ออกแบบเก่าที่เราคุ้นเคย แต่โดยภาพรวมแล้วบอกได้เลยว่า E-Clutch ในรถของ Honda นั้นเป็นอะไรที่ดีงาม และยอดเยี่ยมมาก ๆ ในตอนนี้ เพียงแค่คุณเปิดใจ และทำความเข้าใจกับมันสักหน่อยรับรองว่ามันจะทำให้การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของคุณสนุกขึ้นอีกเป็นกองอย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ในอนาคตเราไม่อยากจะคิดว่าหากทาง Honda นำเจ้าเทคโนโลยีอย่าง E-Clutch ไปใส่ไว้กับรถระดับซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซี.ซี. ที่มาพร้อมคันเร่งไฟฟ้ามันจะเจ๋งขนาดไหน เพราะจริง ๆ แล้วในรถแข่งระดับโลกปัจจุบันอย่าง MotoGP เองที่นักแข่งสามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงได้อย่างรวดเร็ว และทำเวลาต่อรอบได้ดีขึ้นส่วนหนึ่งก็มาพร้อมชุดเกียร์แบบไฟฟ้าที่คล้ายกับระบบอย่าง E-Clutch นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม : รีวิวจัดเต็ม Honda CBR500R , CB500Hornet , NX500 , CBR650R และ CB650R
อ่านเพิ่มเติม : Honda CB1000 Hornet เน็คเก็ตไบค์ตัวตึงเปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการ
อ่านเพิ่มเติม : Honda CB500X เปลี่ยนชื่อเป็น NX500 แล้วมีอะไรใหม่บ้างนอกจากชื่อ ?