ความกังวลในด้านระยะทางเป็นปัญหาหนึ่งสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ แม้การชาร์จจะอยู่ในบ้านถึง 80% และการชาร์จแบบ DC อาจจะไม่ได้มีโอกาสได้ใช้บ่อยครั้งขนาดนั้น
หากเราต้องการหลีกเลี่ยงค่าชาร์จจากสถานีสาธารณะที่เริ่มเก็บเงินกันแล้วนั้น เราคงต้องเลือกรถอีวีที่สามารถขับได้ไกลที่สุด แต่มีบางสถานการณ์ที่แบตเตอรี่ไม่เพียงพอ การหารถที่มีการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่อย่างรวดเร็วก็เป็นหนึ่งในวิธีเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน
Hyundai Ioniq 6 ที่เปิดตัวในปีนี้
รถที่ชาร์จเร็วนั้นหมายความว่า เราจะใช้เวลาในการชาร์จน้อยลง การเดินทางก็จะใช้เวลาน้อยลงด้วย ขณะนี้หลายประเทศมีเครื่องชาร์จที่รองรับการชาร์จมากสุดถึง 350 kW ผู้ผลิตรถยนต์ทั้งหมายจึงเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถใช้ประโยชน์จากำลังไฟที่มากมายได้อย่างเต็มที่
สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2022 นี้ ทั้งที่มีจำหน่ายและกำลังจะมาในอนาคต เราจึงรวบรวมรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถชาร์จได้เร็วที่สุด 10 อันดับแรก วัดจากหน่วยกิโลวัตต์ (kW)
10. BMW iX สามารถชาร์จได้ด้วยกำลังสูงสุด 195 kW
สำหรับเอสยูวีไฟฟ้าเรือธงของค่ายใบพัดฟ้าขาวอย่าง BMW iX ในรุ่น xDrive50 และ M60 ได้เคลมว่าภายใน 10 นาที สามารถเพิ่มระยะทางได้ถึง 145 กม.
9. BMW i4, Mercedes-Benz EQS และ Mercedes-Benz EQS SUV สามารถชาร์จได้ด้วยกำลังสูงสุด 200 kW
BMW กล่าวว่าในรุ่น i4 eDrive40 ใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาที สำหรับระยะทางขับขี่ที่เพิ่มขึ้นถึง 174 กม. ส่วนในรุ่นที่แรงกว่าอย่าง i4 M50 จะได้ระยะทางขับขี่เพิ่ม 156 กม.
ส่วน Mercedes-Benz EQS ในตัวถังซีดานรุ่น EQS 450+ ที่เปิดตัวไปแล้วและเอสยูวีที่กำลังจะมาถึงนั้น ถูกกล่าวว่าสามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 31 นาที ซึ่งไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ที่สามารถขับขี่ได้ 563 กม. ต่อหนึ่งการชาร์จ
อ่านเพิ่มเติม : เปิดตัว 2023 Mercedes EQS SUV
Mercedes-Benz EQS SUV
Rivian R1T
8. Rivian R1T/R1S สามารถชาร์จได้ด้วยกำลังสูงสุด 220 kW
สตาร์ทอัพรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Rivian (ริเวียน) ที่มีชื่อเสียงจาก R1T กระบะไฟฟ้าเจ้าแรก ๆ ของตลาด ถูกเคลมว่า ภายใน 20 นาที รถคันนี้สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้สูงสุด 225 กม. (140 ไมล์) ได้ภายใน 20 นาทีเท่านั้น โดยความสามารถนี้ก็มีใน R1S ซึ่งเป็นเอสยูวีที่มาจากพื้นฐานเดียวกัน
Genesis GV60
7. Genesis GV60, Kia EV6, Hyundai Ioniq 5 และ Hyundai Ioniq 6 สามารถชาร์จได้ด้วยกำลังสูงสุด 235 kW
ทั้ง 4 คันนี้ใช้แพลทฟอร์มอีวี E-GMP ที่มีโครงสร้างไฟฟ้าแบบ 800 โวลต์ ร่วมกัน ซึ่งเคลมว่าสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 18 นาที
Hyundai Ioniq 5
Genesis Electrified G80
6. Genesis Electrified G80 สามารถชาร์จได้ด้วยกำลังสูงสุด 240 kW
Genesis แบรนด์หรูจาก Hyundai กล่าวว่าในเวอร์ชั่นไฟฟ้าล้วนของซีดานขนาดใหญ่ G80 จะสามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายใน 22 นาที โดยแบตเตอรี่มีอุณหภูมิเพียง 25 องศาเซลเซียส และหมายเหตุไว้ว่ารถคันนี้ใช้แบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่ารถที่ใช้แพลทฟอร์ม E-GMP ซึ่งสร้างเพื่ออีวีโดยเฉพาะ (ใช้ใน Genesis GV60, Kia EV6 และ Hyundai Ioniq 5)
Tesla Model S
5. Tesla ทกรุ่นที่จำหน่ายในปัจจุบัน สามารถชาร์จได้ด้วยกำลังสูงสุด 250 kW
Tesla Model 3, Model Y, Model S มาจนถึง Model X นั้นมีโครงสร้างแบตเตอรี่แบบเดียวกัน ซึ่งในเวอร์ชั่นปี 2022 นี้ หากใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็สามารถเพิ่มระยะทางได้ถึง 322 กม. (200 ไมล์) เลยทีเดียว
Porsche Taycan
4. Porsche Taycan และ Audi E-Tron GT สามารถชาร์จได้ด้วยกำลังสูงสุด 270 kW
Porsche Taycan และ Audi E-Tron GT ที่ใช้แพลทฟอร์มและโครงสร้างแบตเตอรี่ร่วมกัน สามารถชาร์จจาก 5-80% ได้ภายในระยะเวลาเพียง 22.5 นาที
3. Lucid Air สามารถชาร์จได้ด้วยกำลังสูงสุด 300 kW
Lucid (ลูซิด) กล่าวว่าในการชาร์จเพียง 20 นาทีที่กำลังสูงสุด สามารถเพิ่มระยะทางขับขี่ได้ราว 483 กม. เลยทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม : Lucid Air คันนี้คว้าชัยรถโปรดักชั่นที่เร็วที่สุดใน Goodwood ปีนี้ได้อย่างไร?
2. GMC Hummer SUV สามารถชาร์จได้ด้วยกำลังสูงสุด 300 kW
สำหรับ Hummer SUV ทาง GMC ยังไม่มีข้อมูลที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการทั้งระยะทางที่ขับขี่ในหนึ่งการชาร์จ รวมถึงความเร็วในการชาร์จ
1. GMC Hummer EV สามารถชาร์จได้ด้วยกำลังสูงสุด 350 kW
ทาง GMC เคลมว่า Hummer EV ในเวอร์ชั่นแรก เมื่อชาร์จเพียง 10 นาที สามารถเพิ่มระยะทางได้ถึงประมาณ 161 กม. (100 ไมล์)
Kia EV6
ปัจจัยที่ทำให้ชาร์จเร็ว
ในความเป็นจริงแล้ว มีปัจจัยหลายด้านที่ส่งผลต่อความเร็วในการฟาสต์ชาร์จ ตัวอย่างเช่น รถอีวีไม่ได้มีการชาร์จอยู่ที่อัตราสูงสุดตลอดเวลาทั้งหมดของการชาร์จ
สถานะการชาร์จของแบตเตอรี่ก็ส่งผลในด้านความเร็วของการชาร์จ เพราะเมื่อแบตเตอรี่ใกล้เต็ม ความเร็วการชาร์จจะลดลงเพื่อรักษาความคงทนของแบตเตอรี่โดยอัตโนมัติ แบตเตอรี่ของรถแต่ละคันก็มีความจุและโครงสร้างไฟฟ้าที่ไม่เท่ากัน เวลาการชาร์จของรถแต่ละคันจึงไม่เท่ากัน
น้ำหนักของรถ ก็มีผลเช่นเดียวกัน หากน้ำหนักรถยิ่งมาก และมีกำลังมาก ก็ยิ่งใช้แบตเตอรี่มาก และจะตรงข้ามกันกับรถที่เบาและมีกำลังน้อยกว่า นอกจากนี้ อายุและอุณหภูมิของแบตเตอรี่ก็มีผลต่อประสิทธิภาพและความเร็วในการชาร์จด้วยเช่นกัน
อ่านเพิ่มเติม : จัดอันดับรถยนต์นั่งน้ำหนักตัวมากสุดในปี 2022 ที่เงินก็สามารถซื้อได้ถ้าใจถึง