2022 Mitsubishi Xpander (มิตซูบิชิ เอกซ์แพนดอร์) รถใหม่ที่หลายคนรอการเปิดตัวเปิดราคากันมาสักพักแล้ว หลังจากที่มีการเปิดตัวในประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียไปก่อน
อย่างที่ทราบกันว่ารถรุ่นนี้ทาง Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ยังไม่มีการเปิดเผยราคาในประเทศไทย แต่เราไปลองขับมาแล้ว และเราจะมาบอกคุณว่า มันมีดีกว่าหน้าตาเยอะ รวมถึงสมรรถนะของเกียร์ CVT ด้วย
สวยและลงตัว
ต้องยอมรับว่าในการไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้ มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ใหม่ มีหน้าตาที่ดูดีขึ้นมากด้วยกระจังหน้า Advanced Dynamic Shield แบบใหม่ ที่แต่เดิมเป็นสีเงิน แต่คราวนี้มาเป็นสีดำเงา 3 ชั้น เข้ากับตะแกรงรับลม เพิ่มความดุดันมากขึ้น
อีกความเปลี่ยนแปลงหนึ่งคือในไฟหลอดไฟหน้า ที่เปลี่ยนมาเป็นทรง T-Shape ซึ่งให้ความสว่างมากกว่าเดิมถึง 25% แต่กลับเป็นแบบหลอดไฟฮาโลเจนแทน ยังไม่ใช่ LED
นอกจากนี้ยังมีการออกแบบกันชนล่างใหม่ที่เป็นแนวยาวสีเงินตัดดำ มีไฟตัดหมอกดวงกลมอยู่ด้วย ด้านท้ายก็ได้รับการออกแบบกันชนล่างใหม่ พร้อมได้รับหลอดไฟแบบ T-Shape เช่นกัน
ภายในเปลี่ยนไปเยอะ
สำหรับใน Mitsubishi Xpander รุ่นที่แล้ว การออกแบบภายในจะดูมีความโค้งมนมากกว่า แต่ในรุ่นใหม่นี้มีการออกแบบคอนโซลหน้าให้เป็นเส้นตรงมากขึ้น รวมถึงออกแบบกรอบหน้าปัดใหม่ที่มีความเหลี่ยม ช่วยให้ภายในดูมีความสปอร์ต พร้อมกับพวงมาลัยแบบสามก้านที่ดูเข้ากัน และที่สำคัญ มีที่วางแขนมาให้แล้วด้วย! ขับทางไกลไม่เมื่อยแน่นอน
อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนรอคอยคือหน้าจอแบบใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับ Apple Carplay/Android Auto มีเบรคมือไฟฟ้าพร้อม Auto Brakehold มาให้ วัสดุบุนิ่มยังคงดูพรีเมี่ยมเช่นเคย
ระบบใหม่อย่างหนึ่งที่เรามองว่าเหมาะกับประเทศไทยมาก นั่นก็คือฟังก์ชั่น Max Cool ที่จะช่วยเร่งความแรงของพัดลมและอุณหภูมิของแอร์ให้สูงสุด ช่วยระบายความร้อนของแดดประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
ขับค่อย ๆ ไป ไม่ต้องรีบ
ตัวเครื่องยนต์นั้น ยังคงเป็นบล็อคเดิม 4A91 เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า กับแรงบิด 141 นิวตันเมตรเช่นเดิม เพิ่มเติมคือได้เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่จากเดิมเป็นเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งหลายคนกล่าวว่ามีอัตราเร่งที่ช้ามาก
มาคราวนี้เกียร์มีการตอบสนองที่ดีทันใจ ไม่ต้องกดแป้นลึกเช่นเดิม การเปลี่ยนเกียร์นั้นให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลมากขึ้น แต่หากยังไม่ทันใจใคร ก็ยังมีปุ่ม Overdrive มาให้เล่นที่หัวเกียร์ ช่วยลดอัตรารอบของเกียร์ แต่ก็ไม่ได้แรงขึ้นทันใจนะ ยังคงต้องกะระยะกันอยู่บ้าง
ในส่วนของช่วงล่างที่ทางมิตซูบิชิมีการอัพเกรดมาให้ ด้วยชุดสตรัทด้านหน้าใหม่ กระบอกโช๊คหลังขนาดใหญ่ขึ้น วาล์วไฮเพอร์ฟอร์แมนซ์ถูกนำมาใช้กับทั้ง 4 ล้อ หลังจากที่ทั้งลองขับและนั่งมาในระยะหนึ่ง พบว่ามีความเฟิร์มมากขึ้น เข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ ไม่ค่อยมีอาการย้วยให้เห็น
ตัวรถนั้นได้รับการบุเก็บเสียงรอบคันมาใหม่ ทำให้รถมีความเงียบขึ้นได้อย่างชัดเจน แม้ขับด้วยความเร็ว 100-120 กม./ชม. ก็ยังมีเสียงเครื่องให้ได้ยินบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นดังจนน่าหงุดหงิดใจ เปิดเพลงฟังได้สบาย ๆ
อีกจุดหนึ่งที่เราคิดว่าน่าจะเปลี่ยนได้แล้ว ก็คือเบรคหลังยังใช้เป็นระบบดรัมอยู่ ซึ่งถึงแม้จะช่วยให้แรงเบรคได้ดีขึ้นหากมีการบรรทุกเต็มคัน แต่ก็ยังมีระยะเบรกที่เยอะอยู่พอตัว จึงควรเว้นระยะห่างจากคันหน้าอย่างพอดี ๆ ไม่ควรขับจี้มากเกินไป
เรื่องเล็กน้อยที่ต้องทำใจ
สิ่งที่เราค่อนข้างแปลกใจก็คือ แม้ว่าจะจะมีหน้าจอแบบใหม่มาให้ แต่ก็ยังไม่เต็มใบ มีพื้นที่เหลือด้านข้างอยู่มากพอให้ใส่ได้มากกว่านี้ รวมถึงเบาะนั่งที่ยังไม่มีระบบไฟฟ้ามาให้ทั้งคนขับและผู้โดยสาร ซึ่งหากคำนึงถึงราคาตัวรถแล้ว ใส่มาให้กับคนขับเพียงอย่างเดียวก็ยังดีนะ
เรื่องใหญ่ที่ต้องคำนึงถึง
ปัจจัยข้อใหญ่ที่คุณจำเป็นจะต้องรับให้ได้ใน 2022 Mitsubishi Xpander ใหม่นี้คือ ระบบความปลอดภัยติดตัวที่เรียกได้ว่า "มีแค่ถุงลม 2 ใบเท่านั้น" ยังไม่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS เหมือนคู่แข่งคนสำคัญ
อย่างเช่นระบบ ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDA) ระบบเตือนก่อนการชน (PCS) Rear Cross Traffic Alert (RCTA) และ Blind Spot Monitoring (BSM) เป็นต้น รวมถึงยังไม่มีกล้องมองรอบคันมาให้ มีเพียงกล้องมองหลังเท่านั้น
โดยรวมยังเป็นรถครอบครัวที่ดี
Mitsubishi Xpander นั้นโดยรวมแล้วก็ยังเป็นรถที่มีความกว้างขวาง นั่งได้จริง พร้อมอุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ใส่ใจให้มา ยิ่งมีหน้าตาภายนอก-ภายในที่สวยขึ้นแล้ว ก็ยิ่งน่าใช้งานเข้าไปใหญ่
สำหรับเรื่องเครื่องยนต์ ยังไงก็ต้องทำความเข้าใจว่าเขาเซทอัพมาให้เป็นรถยนต์ครอบครัว อาจไม่ได้มีความแรงหรืออัตราเร่งที่ปรู้ดปร้าดมาก แต่หากขับไปเรื่อย ๆ ใจเย็น ๆ เกียร์ CVT ลูกใหม่นี้ก็ถือว่าให้สมรรถนะที่ดีได้เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามอย่างที่เรากล่าวไว้ ก็คือคุณต้องทำใจรับกับระบบความปลอดภัยที่มีมาน้อยให้ได้ และเบาะนั่งที่ยังไม่เป็นไฟฟ้า เขาก็จะเป็นรถที่พาคุณไปได้ทุกที่หากคุณขับขี่อย่างระมัดระวัง ในย่านความเร็วที่เหมาะสม
รอราคาก่อนนะ
ในส่วนของราคาตัวรถที่หลายคนรอคอย ทาง Mitsubishi เองก็ยังไม่ได้มีการประกาศออกมาแต่อย่างใด แต่หากดูราคาตัวท็อปปัจจุบันที่ 863,000 บาท ก็อาจจะมีการขึ้นราคาไปบ้าง อาจไม่เกิน 20,000-30,000 บาท
แต่ก็ต้องมองว่า ด้วยออพชั่นที่มีมาให้ หากมีการขึ้นราคาไปอีก ก็จะไปชนกับ Toyota Veloz (โตโยต้า เวลอซ) ตัวท็อป ที่มีราคา 875,000 บาท ซึ่งมี Toyota Safety Sense มาให้ จึงทำให้มิตซูบิชิยังลังเลในราคาที่จะเปิดตัวออกมาได้
หลังสงกรานต์ได้รู้ราคาละ ใครสนใจก็รออีกนิด...