เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าทางค่ายรถยนต์ Ford (ฟอร์ด) เองก็เป็นค่ายที่ให้ความสนใจในเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สดุค่ายหนึ่ง ตั้งแต่การเปิดตัวของ Mustang Mach-E และ F-150 Lightning

และยังได้มีการยืนยันว่า 500 พันล้านดอลลาร์เพื่อลงทุนทำโรงงานใหม่ให้ EV โดยเฉพาะ แต่ก็จะยังไม่ทิ้งเครื่องยนต์สันดาป เพราะยอดขายถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเติบโต

ยังทำกำไรได้

Jim Farley ตำแหน่ง CEO ของ Ford พึ่งได้ทำการแยกบริษัทออกไปเป็นธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉาะชื่อว่า Model e ส่วนเครื่องยนต์สันดาปจะเป็นชื่อ Ford Blue 

ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าในช่วงนี้มักจะมองไปที่รถไฟฟ้ามากกว่า แต่ก็อาจจะเป็นไปได้แค่บางคนเท่านั้น และ Ford เชื่อว่าในรถเติมน้ำมันจะยังคงทำกำไรได้อยู่ และยังได้มากกว่าคู่แข่งอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติม Ford Mustang Dark Horse ม้ามืดพกเครื่อง V8 500 แรงม้า

มีเหตุผล

Ford มีความตั้งใจที่จะยังคงขายเครื่องยนต์สันดาปต่อไปในขณะที่คู่แข่งคนสำคัญเริ่มออกจากตลาดในจุดนี้ไปแล้ว จึงจะทำให้ตลาดของ Ford เติบโตได้ ยกตัวอย่างเช่น General Motors กล่าวว่าจะขายรถยนต์ไร้มลพิษทั้งหมดภายในปี  2035 ทาง Ford ยังไม่เคยออกมาให้สัญญาอะไรเลย

และตัว 2024 Ford Mustang (ฟอร์ด มัสแตง) เองก็เป็นตัวอย่างที่สำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่า Ford ยังเชื่อมั่นในรถน้ำมันในขณะที่คนอื่น ๆ เริ่มเดินหน้าหาไฟฟ้าอย่างเต็มที่ 

เพราะเมื่อตัวรถเริ่มวางขายในปีหน้าจะไม่มีเครื่องยนต์อื่น ๆ เลยแม้แต่ไฮบริด แต่จะยั่งเน้นขาย V8 อยู่ แต่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง Dodge Challenger ก็จะเปลี่ยนไปเป็นไฟฟ้าแล้ว และ Chevrolet Camaro ก็น่าจะตามมาในอีกไม่นาน

"ในเซกเมนต์เดียวกับ Mustang แม้จะมีการหดตัวลงบ้าง ก็ยังมีการคาดเดากันว่าคู่แข่งของเราจะเลิกทำในส่วนนี้แล้ว" ประธาน Ford Blue Kumar Galhotra กล่าวกับ CNN Business "ฉะนั้นแม้ว่าเซกเมนต์นี้จะหดตัว เราจะเติบโตได้"

รถยนต์ที่มีฐานลูกค้าเฉพาะทางอย่าง Mustang Bronco เป็นหนึ่งใน 3 จุดสำคัญของ Ford ในการพัฒนาเครื่องยนต์สันดาป ส่วนที่เหบือจะเป็นกระบะและ SUV 

Galhotra ยอมรับว่ายังไงก็ตาม รถเติมน้ำมันก็อาจจะต้องค่อย ๆ หายไป แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น Ford ก็ยังยินดีที่จะทำรถเครื่องยนต์สันดาปให้กับลูกค้าที่ยังไม่พร้อมไปก่อน